จดหมายข่าวขบวนชุมชนสงขลา ฉบับสิงหาคม 2554 Download คลิ้กที่นี่ และติดตามฟังรายการปักษ์ใต้บ้านเรา ทางวิทยุ สวท.สงขลา 90.5 เมกกะเฮิร์ต เวลา 18.00-19.00 น. ทุกวันอังคาร -สวัสดิการชุมชน /ทุกวันพุธ-สภาองค์กรชุมชน


วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กป.อพช.ใต้ ร่วมกับภาคี และเครือข่ายประชาชนสงขลาขอเชิญร่วมงาน “ คิดถึง…เธอชายหาด ”

คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้(กป.อพช.ใต้) ร่วมกับสมาคมดับบ้านดับเมือง มหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบ และองค์กรต่างๆในจังหวัดสงขลา ขอเชิญร่วมงาน “ คิดถึง…เธอชายหาด ” เพื่อศึกษาสภาพปัญหา ความเปลี่ยนแปลง ผลกระทบที่เกิดและแนวทางการแก้ไขปัญหาชายหาดร่วมกัน ในวันที่ 27 ธันวาคม 2552 ณ บ่อโชนรีสอร์ท ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

ชายหาดบริเวณตำบลสะกอมในอดีตเป็นชายหาดที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์สัตว์นานาชนิด ชายหาดเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ สัตว์บางชนิดจะขึ้นมาวางไข่ริมชายหาด และพืชพรรณไม้ริมชายหาดที่ร่มรื่นสวยงาม ความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ส่งผลให้ ชาวประมงบริเวณริมชายหาดมีวิถีชีวิตที่ดี มีการพึ่งพิงอาศัยซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย พออยู่พอกิน พึ่งพิงธรรมชาติ อีกทั้ง ชายหาดยังเป็นสนามเด็กเล่นธรรมชาติของเด็กๆริมชายหาด

แต่ในปัจจุบันเกิดการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ทำให้ชายหาดหายไปจำนวนมาก ส่งผลให้จำนวนสัตว์น้ำลดลง พืชพรรณไม้ริมชายหาดถูกน้ำกัดเซาะหายไป เมื่อปริมาณสัตว์น้ำลดลง ส่งผลให้วิถีชีวิตของชาวประมงเปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีการออกไปหางานอื่นทำนอกหมู่บ้าน ไม่มีผืนหาดที่สวยงามให้เด็กได้วิ่งเล่นหาดทรายที่เคยสวยงามบางส่วนต้องกลายสภาพเป็นหาดหิน

จากสภาพการกัดเซาะของชายหาดที่เกิดขึ้น ทำให้ทางคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้(กป.อพช.ใต้) และชาวบ้านในชุมชนเกิดความวิตกกังวลว่าชายหาดสวยงามของจังหวัดสงขลาจะถูกกัดเซาะจนหมดไป จนไม่มีชายหาดให้เยาวชนรุ่นหลังได้เห็นและสัมผัส

คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้(กป.อพช.ใต้) ร่วมกับสมาคมดับบ้านดับเมือง มหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบ และองค์กรต่างๆในจังหวัดสงขลา ได้เล็งเห็นความสำคัญของชายหาด เพราะมีความสำคัญกับชีวิตมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆมยาวนาน จึงเห็นความสำคัญของการจัดงาน “ คิดถึง…เธอชายหาด ” เพื่อศึกษาสภาพปัญหา ความเปลี่ยนแปลง ผลกระทบที่เกิดและแนวทางการแก้ไขปัญหาชายหาดร่วมกัน กำหนดการ คลิ้กที่นี่ครับ

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

นายก ฯ มอบนโยบายสวัสดิการชุมชนแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ

วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายสวัสดิการชุมชนผ่านระบบการประชุมทางไกล Video Conference ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ในที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมพัฒนาการจัดสวัสดิการชุมชน ซึ่งจัดประชุมเป็นครั้งแรก โดยมีคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้กล่าวรายงานความคืบหน้าของโครงการสวัสดิการชุมชน

นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะให้ประชาชนมีหลักประกันและคุณภาพชีวิตที่ดี จึงได้ผลักดันนโยบายของรัฐทั้งด้านการสึกษา การรักษาพยาบาล สวัสดิการผู้สูงอายุ เบี้ยอาชีพ รวมทั้งเรื่องสวัสดิการชุมชนซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาล ที่ได้จัดสรรงบประมาณปี ๒๕๕๓ จำนวน ๗๒๗.๓ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการจัดสวัสดิการชุมชน โดยจะมีการสมทบกองทุนให้กับ ๓,๑๕๕ กองทุนที่ดำเนินการอย่างเข้มแข็งแล้ว และสมทบการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนที่จัดตั้งใหม่ ๒,๐๐๐ กองทุน หลักการหลักการสำคัญคือรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณให้กองทุนสวัสดิการชุมชนเท่าที่ภาคประชาชนจ่ายเข้ากองทุน แต่ไม่เกิน ๓๖๕ บาทต่อคนต่อปี หมายถึงประชาชนจ่าย ๑ ส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑ ส่วน และรัฐบาล ๑ ส่วน
อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ลงเสาเอกสร้างบ้านโดยชุมชนท้องถิ่น ที่บ้านซือเลาะ นราธิวาส

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2552 เวลา 09.00 น. ผู้นำชุมชนและชาวบ้านหมู่ที่ 4 บ้านซือเลาะ ร่วมกับภาคีพัฒนาในพื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลเรียง หน่วยพัฒนาสันติ และคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยโดยชุมชนท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส ได้ร่วมกันลงเสาเอกสร้างบ้านบ้านตามโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย(ไทยเข้มแข็ง)

สืบเนื่องจากคณะอนุกรรมการโครงการพัฒนาความมั่นคงในการอยู่อาศัยของคนจนเมืองและชนบทพื้นที่ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้อนุมัติแผนงานงบประมาณให้กับคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย บ้านซือเลาะ ตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 52 ได้สร้างความยินดีกับพี่น้องในพื้นที่บ้านซือเลาะเป็นอย่างมากที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของชาวชุมชน โดยมีผู้เดือดร้อนในพื้นที่บ้านซือเลาะที่ได้รับการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยจำนวน 50 ครัวเรือน โดยแยกเป็นประเภทซ่อมแซม/ต่อเติม 45 ครัวเรือน และสร้างบ้านใหม่ 5 ครัวเรือน รวมงบประมาณ 1.5 ล้านบาท
อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สงขลาจัดประชุมขบวน และสภาองค์กรชุมชนตำบล

นายประพาส บัวแก้ว ประธานที่ประชุมระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบล จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ในวันที่ 19 ธันวาคม 2552 นี้ เครือข่ายองค์กรชุมชนจังหวัดสงขลา ได้กำหนดให้มีการจัดเวทีประชุมขบวนองค์กรชุมชน และสภาองค์กรชุมชนตำบล จังหวัดสงขลาขึ้น ณ สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการที่ 12 โดยมีวาระพิจารณาที่สำคัญคือ การรับรองแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาขบวนชุมชนจังหวัดสงขลา ปี 2553 และการจัดกลไกการขับเคลื่อนงาน นอกจากนี้ ยังมีการสรรหาสมาชิกที่ประชุมระดับจังหวัด สัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ และการคัดเลือกตัวแทนที่ประชุมระดับชาติที่ว่างลง อีกด้วย.
กำหนดการประชุม คลิ้กที่นี่

ปัตตานีประเดิมบันทึกความร่วมมือโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย

ปัตตานี/สำนักงานปฏิบัติการภาคใต้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดเวทีจัดทำบันทึกความร่วมมือโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย จ.ปัตตานี 9 ธันวาคม ณ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ปัตตานี ทั้งนี้สืบเนื่องจาก คณะอนุกรรมการโครงการพัฒนาความมั่นคงในการอยู่อาศัยของคนจนในเมืองและชนบทโดยชุมชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดประชุมครั้งที่ 3/2552 อนุมัติงบประมาณในพื้นที่จ.ปัตตานี ประกอบด้วย ต.พ่อมิ่ง อ.ปานาเระ ต.สะนอ ต.เขาตูม อ.ยะรัง ต.ตะโละ ต.ตาแกะ อ.ยะหริ่ง ต.บางเก่า อ.สายบุรี อนุมัติรวม 70,680,000 บาท

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สภาองค์กรชุมชนภาคใต้จัดสมัชชาวางแผนเดินหน้าปี 53

นายสุวัฒน์ คงแป้น ผู้ชำนาญการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 25 – 27 ธ.ค. 2552 เครือข่ายองค์กรชุมชนภาคใต้ ทั้งสภาองค์กรชุมชนภาคใต้ และ คณะอนุกรรมการประสานงานองค์กรชุมชน ภาคใต้ จะจัดงาน “สมัชชาสภาองค์กรชุมชนภาคใต้” ขึ้น ณ โรงแรมวังใต้ จังหวัดสุราษฏร์ธานี โดยแกนนำชุมชนละ 10 คน เข้าร่วมในงานจะมีการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองของไทยในปี 2553 โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผอ.สำนักข่าวทีนิวส์ ซี่งมีประสบการณ์งานข่าวมาร่วม 30 ปี จากนั้นจะเป็นการหยิบยกกรณีรูปธรรมความสำเร็จของสภาองค์กรชุมชนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ในวันที่ 26 ธ.ค. 2552 จะเป็นการพิเคราะห์หนึ่งปีที่ผ่านมาสลายปัญหา ค้นหาทางออก และตามด้วยการวางแผนขับเคลื่อนสภาองค์กรชุมชนของแต่ละจังหวัด และที่สำคัญวันสุดท้ายจะมีการ แลใต้นำบทเรียนในอดีตไปสู่การสร้างเส้นทางใหม่ของขบวนองค์กรชุมชนภาคใต้ โดยมีบุคคลที่คลุกคลีอยู่ในขบวนองค์กรชุมชนภาคใต้ตั้งแต่แรกเริ่มมาให้ข้อคิดเห็น
ผู้ชำนาญการกล่าวอีกว่านอกจากเนื้อหาสาระดังกล่าวแล้วในงานยังจะให้มีการแสดงหนังตะลุง เรื่อง ฟ้าใหม่ใต้เงาจันทร์ โดยหนังสันธาน บูชาธรรม ศิษย์หนังประเคียง ระฆังทอง แห่งจังหวัดสุราษฏร์ธานี เพื่อบันทึกเทปจัดทำเป็นสื่อเผยแพร่สภาองค์กรชุมชน และสุดท้ายจะมีการเลี้ยงสังสรรค์ต้อนรับปีใหม่อีกด้วย
กำหนดการสมัชชาสภาองค์กรชุมชนภาคใต้ คลิ้กที่นี่

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

รองผู้ว่าฯยะลา เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการซ่อมสร้างบ้าน

นายวิทยา พานิชพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ประชุมคณะทำงานระดับจังหวัดโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยที่ดินทำกินโดยชุมชนเป็นหลัก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามการดำเนินงานสำรวจข้อมูลผู้ประสบปัญหา การคัดเลือกผู้สมควรได้รับการช่วยเหลือ ตลอดจนการจัดทำเป็นเอกสารโครงการเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนเป็นหลัก พิจารณาอนุมัติงบประมาณสนับสนุน อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เครือข่ายประชาชนสงขลาจี้ตำรวจจับคนร้ายยิงสังหารเอ็นจีโอใต้

14 ธันวาคม 2552 เวลา 10.00 น. กลุ่มองค์กรชาวบ้านและเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชน(เอ็นจีโอ)จากพื้นที่ต่างๆในจังหวัดสงขลา และใกล้เคียงรวมตัวหน้าศาลกลางจังหวัดสงขลาทวงถามความคืบหน้าและจี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายคดียิงเจ้าหน้าเอ็นจีโออาการเจ็บสาหัส
นายมานะ ช่วยชู เลขาธิการองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) กล่าวว่าวันนี้เราต้องมาชุมนุมเรียกร้องที่ศาลากลางจังหวัดอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีตัวแทนเดินทางมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 52 เพื่อเรียนร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เรียกร้องให้ดำเนินการสืบสวน สอบสวน เพื่อจับกุมคนร้ายผู้ยิงนายสิทธิชัย แพทย์พงศ์ อุปนายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ซึ่งเป็นสมาชิกองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ เป็นผู้ที่ทำงานเพื่อผู้ด้อยโอกาสในสังคมและทำงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีผลงานในการจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูทะเลสาบสงขลา จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มแม่บ้าน อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สตูลจัดเวทีพัฒนาศักยภาพสภาองค์กรชุมชน

ขบวนชุมชนจังหวัดสตูลจัดเวทีพัฒนาศักยภาพสภาองค์กรชุมชน และสร้างความเข้าใจโครงการสนับสนุนการจัดสวัสดิการชุมชน

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2552 ที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล มีการจัดการสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพแกนนำสภาองค์กรชุมชนตำบล รวมทั้งสร้างความเข้าใจโครงการสนับสนุนการจัดสวัสดิการชุมชน โดยมีแกนนำสภาองค์กรชุมชนตำบลจาก 18 ตำบล และแกนนำกองทุนสวัสดิการ 24 ตำบล รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานปฏิบัติการภาคใต้เข้าร่วม รวมประมาณ 70 คน

นายกิติโชติ ชนะหลวง ดำเนินการสัมมนาโดยเริ่มจากการทบทวนเจตนารมณ์ของการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชน ที่มุ่งเน้นให้เป็นเวทีในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง รวมทั้งทบทวนการดำเนินงานขับเคลื่อนสภาองค์กรชุมชนในจังหวัดสตูล ซึ่งปัจจุบันสามารถจัดตั้งได้ 18 ตำบล จากนั้นเจ้าหน้าที่จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนได้เน้นย้ำบทบาทภารกิจของสภาองค์กรชุมชนตำบล

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สภาองค์กรชุมชนพัทลุง เปิดประชุมระดับจังหวัด

นายวิวัฒน์ หนูมาก รองประธานที่ประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบล จังหวัดพัทลุง กล่าวว่าเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2552 ที่ผ่านมาได้จัดให้มีการประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบล ณ ห้องกาบบัว ศาลากลางจังหวัดพัทลุง โดยมีตัวแทนระดับตำบล ของสภาองค์กรชุมชนตำบล ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้สนใจเข้าร่วมประชุม ประมาณ 60 คน การประชุมครั้งนี้ได้มีการรายงานผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาให้ที่ประชุมทราบ รวมทั้งพิจารณาเพื่อให้การรับรองกติกาของที่ประชุมในระดับจังหวัดด้วย

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ชาวบ้านตำบลนาทับ ขึ้นป้ายไม่เอาท่าเทียบเรือน้ำลึก

6 ธันวาคม 52 ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านในอำเภอจะนะได้รวมตัวกันบริเวณที่ดินสาธารณะประโยชน์ของหมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 11 เพื่อขึ้นป้ายคัดค้านโครงการก่อสร้างเทียบเทียบเรือน้ำลึกชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่าง บริเวณตำบลนาทับ อ.จะนะ

เวลา 10.00 น. ชาวบ้านสวนกง หมู่ที่ 11 บ้านนาเสมียน หมู่ที่7 บ้านโล๊ะ และบ้านท่าคลอง ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา บ้านป่าชิง ต.ป่าชิง บ้านควนหัวช้าง ต.คลองเปียะ บ้านบ่อโชน บ้านสะกอม บ้านปากบาง ต. สะกอม รวมประมาณ 200 คน รวมกันขึ้นป้ายเพื่อคัดค้านโครงการท่าเทียบเรือน้ำลึกบริเวณตลอดแนวถนนที่ดินสาธารณะประโยชน์หมู่ที่7 และหมู่ที่ 11 ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายที่กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี และกระทรวงคมนาคมจะใช้เป็นพื้นที่ก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 เพื่อเชื่อมกับท่าเทียบเรือปากบารา ฝั่งทะเลอันดามัน ข้อความว่า “หยุดแผนพัฒนาภาคใต้อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ไม่เอาท่าเรือน้ำลึก2 ระวังสงขลาจะเป็นดั่งมาบตาพุด” , “สวนกงจะหายไป ถ้ายกให้ท่าเรือน้ำลึก พัฒนาหรือทำลาย” , “ชายหาดผืนสุดท้ายของสงขลา ต้องช่วยกันรักษา อย่าทำลาย” , “คนสงขลาไม่เอาอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ร่วมหยุดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง”

นายดนรอนี ระหมันยะ ชาวบ้านหมู่ที่ 11 บ้านสวนกง กล่าวว่าหากดูจากข้อมูลโครงการนี้เกิดขึ้นจริงๆ ชาวบ้านสวนกงและบ้านนาเสมียนต้องอพยพอย่างแน่นอนทั้งที่อาศัยอยู่กันมาร่วมร้อยปี เพราะเป็นโครงการที่ใหญ่มากและมีโครงการต่อเนื่องมากมายตามมา แล้วจะให้ชาวบ้านย้ายไปอยู่ไหนเพราะนอกจากท่าเทียบเรือน้ำลึกแล้วนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะพูดชัดว่าต้องมีอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมต่อเนื่องมิเช่นนั้นแล้วจะไม่คุ้มกับการลงทุนก่อสร้าง เราชาวสวนกงและพี่น้องหมู่บ้านต่างๆในอำเภอจะนะไม่ต้องการนิคมอุตสาหกรรมแบบมาบตาพุดที่ระยอง ชาวบ้านจะนะและคนสงขลาคงไม่อยากเจอปัญหามลพิษแบบมาบตาพุด โดยเฉพาะล่าสุดกรณีสารเคมีรั่วไหลที่ท่าเรือแหลมฉบังเป็นตัวอย่างผลกระทบทางมลพิษและความไม่ปลอดภัยของท่าเรือที่เห็นได้ชัด เราไม่ต้องการให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นที่สงขลาบ้านเรากับลูกหลานของเรา

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

รวบรวมข่าว / บทความที่น่าสนใจในรอบสัปดาห์

พอช. ทำความเข้าใจโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย (ไทยเข้มแข็ง) ที่จะนะ

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ยัน คดียิงนักพัฒนาเอกชนภาคใต้ คืบหน้าแน่ ภายใน10วัน

พมจ.สตูล แนะสร้างกลไกความร่วมมือราชการทุกระดับในการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย ฯ

เรากำลังรักษาหรือฆาตกรรมชายหาด ?

สืบสานตำนานแดนโนรา กระแสสินธุ์สร้างนายปี่รุ่นใหม่

ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์ที่....แหลมฉบัง..... เกิดขึ้นอีก ต้องทำแบบนี้

ขอเชิญเข้าร่วมเวที สงขลาพอเพียง ครั้งที่ 41

สิบโทอุดม เพ็ชรธนู จากนักรบมาเป็นนักอนุรักษ์

สัมผัส ‘บัณฑิตหมู่บ้าน’ อีกหนึ่งกลไกงานพัฒนาชุมชนชายแดนใต้

ขอเชิญชมภาพถ่าย "สีสันยามเย็น" ......ที่ทะเลตรัง

ทะเลน้อย - พื้นที่ชุ่มน้ำโลกแห่งแรกของไทย

สะท้อนการแก้ปัญหาเอดส์ในชุมชนชายแดนใต้

ถอดสมการเยาวชนสงขลา (พิสูจน์คำตอบ) คิดเป็น=ทำได้

เครือข่ายวิทยุชุมชนชายแดนใต้เปิดโครงการผลิตบทวิทยุเพื่อความเป็นธรรมสู่สันติสุข

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สภาองค์กรชุมชนปัตตานีจัดพัฒนาแกนนำสภาฯ

นายณรงค์ มะเซ็ง เลขานุการคณะกรรมการสนับสนุนสภาองค์กรชุมชน จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า นายณรงค์ มะเซ็ง เลขานุการคณะกรรมการสนับสนุนสภาองค์กรชุมชน จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า

เมื่อวันที่ 4 – 5 ธ.ค. 2552 จังหวัดปัตตานีได้จัดให้มีการอบรมพัฒนาแกนนำสมาชิกที่ประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชน จำนวน 25 คน ขึ้น ณ ชาลาวัลย์ วิลเลส จ.ปัตตานี โดยเนื้อหาสำคัญประกอบด้วยเรื่องของการพัฒนาความเข้มแข็งการเมืองภาคพลเมือง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสภาองค์กรชุมชน การลดความขัดแย้ง ตลอดจนการจักทำแผนพัฒนาของสภาองค์กรชุมชนตำบล ที่จะเสนอต่อหน่วยงานต่าง ๆ

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ก.เกษตรฯ ผุดโครงการปลูกยางในที่ร้าง 5 จ.ชายแดนใต้

กระทรวงเกษตรฯ ผลัก กม.สวัสดิการชาวนาชราภาพ และผุดโครงการปลูกยางในที่ร้าง 5 จ.ชายแดนใต้

กระทรวงเกษตรฯ เร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.กองทุนสวัสดิการชาวนา เพื่อสร้างหลักประกันชีวิตชาวนาชราภาพ และนำโครงการปลูกยางพาราในอีสาน-เหนือ มาปัดฝุ่นใช้กับ 5 จังหวัดชายแดนใต้ แก้ปัญหาที่ดินรกร้าง สร้างอาชีพให้เกษตรกรในพื้นที่

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าปัจจุบันตัวเลขผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่ทิ้งถิ่นฐานมีมากขึ้น โดยเฉพาะจำนวนชาวนามีแนวโน้มลดลงมาก แต่จากการสำรวจพบว่าผู้ประกอบอาชีพทำนายังมีมากถึง 3.7 ล้านครอบครัว อายุเฉลี่ยประมาณ 57 ปี
อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

นายกฯปาฐกถาพิเศษ : ยุทธศาสตร์ภาครัฐกับการพัฒนาภาคใต้อย่างยั่งยืน

นายกฯรับปากเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีต่อแน่ หัวใจในการแก้ปัญหาภาคใต้ คือ การพัฒนากับการอำนวยความยุติธรรม? จะให้ศอ.บต.ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า จะทำให้เกิดความชัดเจนในการบริหารงานแบบบูรณาการ และรัฐบาลจะยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง ?ยุทธศาสตร์ภาครัฐกับการพัฒนาภาคใต้อย่างยั่งยืน? โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านระบบวิดีลิ้งค์ ไปยังศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาและการแก้ปัญหาภาคใต้ มุมมองของรัฐบาลไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ฝ่ายทหารและตำรวจจะเข้าไปดูแล แต่รัฐบาลจะมีมาตรการเสริมในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ?หัวใจในการแก้ปัญหา คือ การพัฒนากับการอำนวยความยุติธรรม? ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการรื้อฟื้น ศอ.บต.เพื่อให้ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า จะทำให้เกิดความชัดเจนในการบริหารงานแบบบูรณาการ และรัฐบาลยังมีเป้าหมายยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ และลดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ลง
อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สภาฯ ควนรูจับมือกับ อบต.และภาคี จัดเวทีแก้ปัญหาโรงงานบรรจุนมในพื้นที่

สภาองค์กรชุมชนตำบลควนรู ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบล และภาคี จัดเวทีปรึกษาหารือกรณีบริษัทบรรจุนมก่อสร้างโรงงานก่อนได้รับอนุญาตในชุมชน

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา 13.00 น. ที่วัดไทรใหญ่ ต.ควนรู อ.รัตภูมิ จ.สงขลา สภาองค์กรชุมชนร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลควนรู จัดเวทีปรึกษาหารือกันของประชาชน สืบเนื่องจากกรณีที่มีการก่อสร้างโรงงานผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ ของบริษัทเซาเทิร์นเดรี จำกัด ซึ่งดำเนินการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 40% โดยยังไม่ผ่านกระบวนการอนุญาตการก่อสร้าง รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

ทั้งนี้ สภาองค์กรชุมชนตำบลควนรู อาศัยอำนาจตามความใน พรบ.สภาองค์กรชุมชน มาตรา 21(6) ซึ่งได้ให้มีภารกิจ ในการจัดให้มีเวทีการปรึกษาหารือกันของประชาชน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินโครงการ ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนที่มีผล หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรือทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการ หรือเป็นผู้อนุญาตให้ภาคเอกชนดำเนินการดังกล่าว ต้องนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย โดยมีผู้เข้าร่วมเวทีที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ แกนนำชุมชนในหมู่ที่ 4,5,6,9 ตำบลควนรู รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานทั้งจากอบต.ควนรูและอำเภอรัตภูมิ ภาคีและภาคส่วนต่างๆเข้าร่วมประมาณ 200 คน โดยมีนายสมนึก หนูเงิน ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลควนรู เป็นประธาน

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ตรัง จัดเวทีสรุปบทเรียนการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม

จากเวทีการเรียนรู้ สู่การสรุปบทเรียน การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม จังหวัดตรัง

ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม จังหวัดตรัง ได้จัดให้มีกิจกรรมเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค พร้อมกันนี้ก็ได้มีอาสาสมัครในพื้นที่ทุกอำเภอของจังหวัดตรัง เพื่อร่วมเป็นเครือข่ายพิทักษ์สิทธิในชุมชน และเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ทางศูนย์ฯ ได้จัดเวทีสรุปบทเรียนของการขับเคลื่อนงานที่ผ่านมา เพื่อการร่วมกันกำหนดทิศทางในอนาคต ซึ่งหลายๆ ท่านได้แสดงความคิดเห็นออกมาอย่างน่าสนใจ

คุณอนวัช รอดพันธ์ แกนนำชุมชน “...การสื่อสารในปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเร่งขยายความรู้ และแนวทางการร้องเรียนเมื่อชาวบ้านเขาถูกละเมิดสิทธิ จากวันเริ่มต้นถึงปัจจุบัน 3 เดือน เป็นการจัดเวทีเรียนรู้ในพื้นที่ก้าวหน้ามากขึ้นอันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องชาวตรัง ทั้งเรื่องของการตื่นตัวในสิทธิ และการพัฒนากลไกการรับเรื่องร้องเรียนผ่านอาสาสมัครแต่ละพื้นที่ ของแต่ละอำเภอ...”
อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มหาภัยทางท่อคลังน้ำมันละงู–สิงหนคร


เมื่อพูดถึงโครงการท่อขนส่งน้ำมันจากฝั่งอันดามันไปยังฝั่งอ่าวไทย ที่จะมีการคลังน้ำมัน ที่บ้านปากบาง ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล และแถวๆ ตำบลรำแดง อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา น้อยคนนักที่จะรู้ที่มาที่ไปของโครงการนี้

ทั้งที่พื้นที่ทั้งสองแห่งถูกเลือกเป็นจุดตั้งคลังน้ำมัน ที่ต่อท่อขึ้นมาจากทะเลปากบารา นับสิบกิโลเมตร จากฝั่งอันดามันสู่ฝั่งอ่าวไทย โดยมีท่อส่งน้ำมันลงสู่ทะเลอ่าวไทยอีกประมาณ 37 กิโลเมตรอันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแลนด์บริดจ์ หรือสะพานเศรษฐกิจสงขลา – สตูล

ถึงกระนั้นจนบัดนี้ คนในพื้นที่เอง ยังไม่มีใครรู้รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นผู้นำชุมชนระดับผู้ใหญ่บ้าน ไปจนถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบล

จึงไม่แปลกที่ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านปากบาง ตำบลละงู อำเภอละงู ต่างเข้ามารายล้อม เมื่อเห็นเอกสารตรงหน้า ที่ระบุว่าเป็นเอกสารประกอบการประชุมของกระทรวงพลังงาน เกี่ยวกับการวางท่อน้ำมันจากฝั่งอันดามันไปยังฝั่งอ่าวไทยซึ่งจะขึ้นฝั่งและตั้งคลังน้ำมันโดยใช้พื้นที่ 5,000 ไร่ ที่บ้านปากบาง แล้วลากท่อน้ำมันไปโผล่ที่อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ใช้พื้นที่ 10,000 ไร่ ตั้งคลังน้ำมัน ตรงบริเวณตำบลปากรอ ตำบลป่าขาด ตำบลวัดขนุน และตำบลรำแดง

นับว่าแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ที่ชาวบ้านในพื้นที่ที่ถูกเลือกเป็นสถานที่ตั้งของคลังน้ำมันอย่างบ้านปากบาง ไม่เคยรับรู้อะไรมาก่อนเลย นี่เป็นการรับรู้ครั้งแรกของชาวบ้านในพื้นที่

ที่สำคัญข่าวที่ได้รับ ไม่ได้ออกมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่กลับเป็นนักข่าวจากต่างถิ่น ที่เดินทางมาพร้อมกับเอกสารโครงการของหน่วยงานรัฐระดับกุมนโยบาย

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปล่อยเต่าทะเล คืนสู่ทะเล กิจกรรมดีๆที่จังหวัดตรัง


ที่ตรัง มีการรวมตัวกันของชาวประมงพื้นบ้าน เพื่อทำกิจกรรมฟื้นฟูดูแลทะเล( ที่กำลังเสื่อมโทรมอย่างหนัก) มานมนานแล้วครับ

อย่างตอนนี้ที่อ่าวเกาะมุกด์ อำเภอกันตัง ก็มีชาวบ้านสี่หมู่บ้านรวมตัวกัน กำหนดแนวเขตทะเลหน้าบ้านเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรในบริเวณนั้น แนวเขตทะเลที่ว่า เรียกภาษาชาวบ้านว่า “เขตเลเสบ้าน” ครับ (ในภาษาใต้ เล =ทะเล,เส =สี่ )

กินอาณาเขตนับ สองหมื่นเจ็ดพันกว่าไร่ (หรือ 40 กว่าตารางกิโลเมตร)

ในเขตทะเลดังกล่าวนี้มีการกำหนดกติกาการใช้ประโยชน์ร่วมกัน มีการออกตรวจจับประมงที่กระการผิดกฎหมาย ร่วมถึงมีกิจกรรมอะไรต่อมิอะไรที่ว่าด้วยการจัดการทรัพยากรชายฝั่งอีกมากมาย

เมื่อเดือนที่แล้ว ชาวบ้านได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกตรวจจับเรือที่เข้ามาทำประมงผิดกฎหมาย 1 ลำครับ

ในเรือค้นพบแรงงานผิดกฎหมาย และมีการใช้เบ็ดราไวย์ (ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ห้ามใช้ในบริเวณดังกล่าว)

ที่สำคัญ มีเต่าทะเลขนาดใหญ่ ติดเบ็ดราไวย์ขึ้นมาด้วย !!

เบื้องต้น ชาวบ้านได้ยึดเรือส่งดำเนินคดี ส่วนเต่าทะเลชาวบ้านได้นำส่งศูนย์ชีวะทางทะเล จังหวัดภูเก็ต เพื่อทำการอนุบาลรักษาให้เต่าฟื้นคืนสภาพปกติเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์ เต่าทะเลตัวดังกล่าวก็กลับมาสมบูรณ์ ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงจัดกิจกรรมปล่อยเต่ากลับคืนสู่ทะเลขึ้น

โดย : ศูนย์สื่อสังคมภาคใต้

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

'ซือเลาะ' ใช้โครงการแก้ที่อยู่อาศัยฯ สร้างกระบวนการพัฒนาชุมชน

ชาวซือเลาะ ปลื้ม!! โครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย เหตุชาวบ้านยากจน มีรายได้ 5 เดือนจากรับจ้างกรีดยาง ไม่มีหน่วยงานเหลียวแล วางแผนตั้งกลุ่มออมทรัพย์พัฒนากลุ่มอาชีพผลิตกริช สร้างอาชีพเสริมให้กับชุมชนต่อไป

นายสะมาแอ ฮามะ ผู้ใหญ่บ้านซือเลาะ ม.4 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า โครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่นเป็นหลัก เข้ามาช่วยเหลือผู้ยากจนในชุมชน สร้างความดีใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีหน่วยงานใดให้ความช่วยเหลือด้านนี้ มีชาวบ้านหลายครัวเรือนที่อยู่ในบ้านที่มีสภาพบ้านที่แย่ บางหลังน่าจะเรียกกระท่อมมากกว่า เพราะชาวบ้านที่นี่จน ส่วนใหญ่รับจ้างกรีดยาง ซึ่งจะมีรายได้เพียงช่วง 5 เดือน บางครั้งชุมชนประสบภัยพิบัติ เช่น พายุลดพัด ฝนตกหนัก ก็ได้รับการช่วยเหลือครั้งละ 5,000 บาท จากอบต.ซึ่งก็ไม่ช่วยให้มีบ้านที่ดีขึ้นได้
ผลจากการดำเนินการตามโครงการ ด้วยการทำประชาคมหมู่บ้าน 3 ครั้ง ทำให้เราคัดเลือกผู้เดือดร้อนได้ 156 หลังคาเรือน แต่ก็จะเสนอขอรับความช่วยเหลือก่อน 50 หลัง สร้างใหม่ 5 หลัง ซ่อมแซม 35 หลัง และต่อเติม 10 หลัง ส่วนที่เหลือก็ให้รอเงินทุนหมุนเวียนจากกลุ่ม 50 หลังแรกที่ส่งเงินคืนเป็นกองทุนของหมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้ก็ได้รับการพิจารณาอนุมัติงบสนับสนุนแล้ว 1,500,000 บาทจากโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่นเป็นหลัก
ผู้ใหญ่บ้านซือเลาะ กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ชุมชนดำเนินโครงการนี้ ช่วยทำให้ชาวบ้านเกิดความตืนตัวมากยิ่งขึ้นต่อการคิดแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน ด้วยการรวมกลุ่มกันแก้ไขปัญหา ซึ่งหลังจากนี้ชุมชนวางแผนไว้ว่าจะตั้งกลุ่มออมทรัพย์ในชุมชน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนมาให้กลุ่มทำกริชได้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน สร้างอาชีพและรายได้ให้กับชาวบ้านต่อไป

ทั้งนี้โครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่นเป็นหลัก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ ซึ่งมีแนวทางดำเนินโครงการที่มุ่งส่งเสริมให้ชุมชนเป็นแกนหลักในการแก้ปัญหา ตั้งแต่การสำรวจข้อมูลผู้เดือดร้อน คัดเลือกผู้ที่สมควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ตลอดจนการบริหารงบประมาณในการซ่อมสร้างบ้าน และการกำหนดกติกาการให้ผู้ได้รับการสนับสนุนส่งเงินคืนสู่ชุมชน โดยตั้งเป็นกองทุนของชุมชนเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือผู้เดือดร้อนรายอื่น หรือนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆต่อไป.


โดย : สมพล โชคดีศรีสวัสดิ์ http://www.souththai.org

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พอช. จัดเวทีสร้างความเข้าใจโครงการสนับสนุนการจัดสวัสดิการชุมชน

ประชุมสร้างความเข้าใจโครงการสนับสนุนการจัดสวัสดิการชุมชน เน้นตั้งกองทุนอย่างมีคุณภาพ
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มอบนโยบายในการประชุมสร้างความเข้าใจการดำเนินงานโครงการสนับสนุนการจัดสวัสดิการชุมชน เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ณ ห้องประชุมวิทยทัศน์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จ.นนทบุรี โดยมีผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด คณะอนุกรรมการสนับสนุนสวัสดิการชุมชน และเจ้าหน้าที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เข้าร่วมประชุมประมาณ ๔๕๐คน

นายสมพร ใช้บางยาง รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า แนวคิดการทำงานการจัดสวัสดิการชุมชนได้ให้ภาคประชาชนเป็นหลัก ซึ่งความสำเร็จอยู่ที่ภาคประชาชนทุกคนในฐานะเป็นผู้นำ องค์การบริหารส่วนจังหวัดประสานงานอำนวยความสะดวก ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งถือได้ว่าโครงการนี้เป็นโครงการของทุกฝ่าย โดยเฉพาะภาคประชาชน สำหรับบทบาทการสนับสนุนของกระทรวงมหาดไทยนั้น เบื้องต้นจะเป็นการทำความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัด และประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความเข้าใจและแก้บทบัญญัติท้องถิ่นในการสมทบกองทุน ให้เอื้อต่อการขับเคลื่อนงานของขบวนองค์กรชุมชน

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ชุมชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินอย่างไร ?

การประชุมคณะอนุกรรมการโครงการพัฒนาความมั่นคงในการอยู่อาศัยของคนจนในเมืองและชนบทพื้นที่ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2553 ได้อนุมัติแผนงานงบประมาณแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในพื้นที่จำนวน 12 ตำบล 68 หมู่บ้าน เพื่อสร้างและซ่อมแซมบ้านให้กับครอบครัวที่ยากจน 3,109 หลังคาเรือน รวมงบประมาณที่อนุมัติ 142.8 ล้านบาท

นางทิพย์รัตน์ นพลดารมย์ ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาที่อยู่อาศัยของคนจนในเมืองและชนบทพื้นที่ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่าคณะอนุกรรมการฯ ได้อนุมัติแผนงานและงบประมาณโครงการซ่อมแซมและก่อสร้างที่อยู่อาศัยในพื้นที่ จ. นราธิวาส จ.ปัตตานี และจ.สตูล รวม 3,109 หลัง ซึ่งมีทั้งบ้านที่สร้างใหม่และการซ่อมแซมต่อเติมที่ได้ผ่านการกลั่นกรองทั้งเวทีประชาคมในหมู่บ้าน ตำบลและคณะทำงานพัฒนาที่อยู่อาศัยในระดับจังหวัดมาแล้ว รวมผู้รับประโยชน์ทั้งสิ้น 3,109 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ 12 ตำบล 68 หมู่บ้าน ภายใต้กรอบงบประมาณ 142.8 ล้านบาท โดยให้มีการเบิกจ่ายระยะที่ 1 ไม่เกินหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท และเมื่อรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจึงจะมีการเบิกจ่ายได้เต็มจำนวนตามที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด
อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

คนควนรู ‘งานเข้า’ โรงงานบรรจุนมเด็ก ตอกเสาเข็มก่อนการอนุญาต


ชุมชนตำบลควนรู เป็นชุมชนไม่ใหญ่นัก มีสภาพกึ่งเมืองกึ่งชนบท โดยเฉพาะหมู่ 1,7 ที่มีความเป็นอยู่กึ่งเมืองมากกว่าหมู่อื่น ๆ ใน 9 หมู่บ้าน แต่การทำงานพัฒนาในพื้นที่ มีมุมน่ารัก ๆ ยากจะบอกว่า มีเรื่องควรรู้ที่ควนรูให้ได้ทราบกัน คือว่า ในชุมชน ได้เกิดสภาองค์กรชุมชนขึ้นมา เมื่อไม่นาน มีการเคลื่อนไหวตลอด เริ่มตั้งแต่การประชุมร่วมกันของ 2 สภา คือสภาองค์กรชุมชนกับสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ในเรื่องของการจัดงานย้อยรอยเสด็จ 50 ปี ของในหลวงและสมเด็จฯ เป็นความร่วมมือกัน มีการออกแบบกิจกรรม ขบวนต่าง ๆ ในความเป็นคนควนรูแต่แรก

กระบวนการถ่ายทอดความเป็นชุมชนคนควนรู ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น เวียง วัง คลัง นา เก่าของอำเภอรัตภูมินั้น เป็นครั้งแรกของการทำงานร่วมกันของ 2 สภา ต่อมายังมีงานมหกรรมภูมิปัญญาชุมชนครั้งที่ 6 เพิ่งผ่านมาได้ไม่นานนัก ครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันของ 2 ตำบล โดยใช้ชื่อร่วมกันว่า “ มหกรรมภูมิปัญญา สุขภาวะชุมชนคนควนรู-คูหาใต้”

และเร็ว ๆ นี้ กำลังมีสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้นในชุมชน ในกรณีการก่อสร้างโรงผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ ที่ดำเนินการก่อสร้างโดยยังไม่ขออนุญาตก่อสร้าง

องค์การบริหารส่วนตำบล จึงได้ร่วมกับกับสภาองค์กรชุมชน ตั้งให้มีคณะศึกษาและเตรียมเวทีประชาคมขึ้น โดยอาศัย พรบ.สภาองค์กรชุมชน มาตรา 21(6) ในการซึ่งตามกฎหมาย พรบ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551 มาตรา 21 (6) ได้ให้มีภารกิจ การจัดให้มีเวทีการปรึกษาหารือกันของประชาชน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินโครงการ ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนที่มีผล หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรือทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการ หรือเป็นผู้อนุญาตให้ภาคเอกชนดำเนินการดังกล่าว ต้องนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย ทางสภาองค์กรชุมชนตำบลควนรู จึงได้ปรึกษาหารือร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์การบริหารส่วนตำบล มีความเห็นร่วมกันในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดเวทีการปรึกษาหารือกันของประชาชน กำหนดจัดวันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 ณ วัดไทรใหญ่ ซึ่งผู้เข้าร่วมคือคนที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง คือ หมู่ 4,5,6,9 ตำบลควนรู

...งานนี้ต้องติดตาม

เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม จังหวัดสงขลา

รวมใจกู้วิกฤติหลังน้ำท่วม

103 โฟกัส เรดิโอ ร่วมกับ เครือข่ายวิทยุท้องถิ่น วิทยุเครื่องแดงภาคประชาชนช่อง12ศูนย์คอหงส์ สโมสรฟุตบอลหาดใหญ่และเครือข่ายคนรักกีฬา หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนรวมใจกู้วิกฤติหลังน้ำท่วม ออกหน่วยซ่อมบ้าน ซ่อมรถ มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า

วันศุกร์ที่ 27 ถึง อาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน นี้

ขอให้พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยได้รับความเสียหาย สามารถไปขอรับบริการได้ตามเวลาและสถานที่ดังต่อไป

กำหนดการ
ศุกร์ที่ 27 พ.ย. 52 วัดท่าช้าง บางกล่ำ
เสาร์ที่ 28 พ.ย. 52 เทศบาลตำบลโคกม่วง อ.คลองหอยโข่ง
อาทิตย์ที่ 29 พย. 52 รอกำหนดสถานที่

เวลา 09.00 ถึง 15.00 น.
หรือแจ้งความประสงค์ได้ที่ 074-368103 , 074-368522-3

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ผู้ว่าฯคนใหม่ 'ไมตรี อินทุสุต' ได้ใจคนตรัง

@@ นับเป็นการเปิดตัวงานแรกๆ อย่างได้ใจชาวตรัง เมื่อ ผู้ว่าฯคนใหม่ ไมตรี อินทุสุต ปรับเปลี่ยน ‘งานเหลิม’ เพื่ออนุรักษ์งานเทศกาลสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดตรัง ตั้งแต่ให้กลับไปใช้ชื่อเดิม คืองาน ‘เฉลิมพระชนมพรรษา ฉลองรัฐธรรมนูญ และงานกาชาดจังหวัดตรัง’ ประจำปี 2552 และเป็นปีแรกที่จะไม่เก็บค่าผ่านประตู ส่วนเนื้อหาสาระของงานจะเป็นอย่างไร จะปรับเปลี่ยนให้ดูดีขึ้นกว่าแค่มหกรรมขายของ ไก่ทอด ขนมปอดควาย ได้ทันหรือไม่ และการจับจองเอาสองข้างถนนมาเป็นที่รับฝากรถ จะคลี่คลายไปด้วยแค่ไหน จะได้คอยดูกันครับ อ่านเปิดใจผู้ว่าตรัง คลิ้กที่นี่ครับ

@@ นางภาวิณี อินทุสุต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า เหล่ากาชาดจังหวัดตรังร่วมกับจังหวัดตรัง กำหนดจัดงาน ‘เฉลิมพระชนมพรรษา ฉลองรัฐธรรมนูญ และงานกาชาดจังหวัดตรัง’ ประจำปี 2552 ระหว่างวันที่ 5-15 ธันวาคม ณ สนามกีฬาเทศบาล (ทุ่งแจ้ง) จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตเป็นกุศล ได้แบ่งปันน้ำใจด้วยการร่วมกันบริจาค เงิน และ/หรือ สิ่งของ เพื่อใช้เป็นรางวัลในร้านนาวากาชาด ในวันรวมน้ำใจช่วยกาชาด วันศุกร์ที่ 27 พ.ย. นี้ เวลา 09.00-15.00 น. ณ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง (หลังใหม่) ตรงข้ามสนามบินตรัง สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง โทรศัพท์ 075-501095 และ 075-218043

จากหนังสือพิมพ์ฅนตรัง ปีที่ 4 ฉบับที่ 92 ประจำวันที่ 16-30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 คอลัมน์ ‘4แยก หอนาฬิกา’รายงานความคิด ความเคลื่อนไหว ของคนจังหวัดตรัง โดย... ‘นกเสียบไส้’

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

น้ำท่วมพัทลุงน่าห่วง..ยะลาฝนตกหนัก..นราธิวาสแม่น้ำสายหลักเอ่อท่วม

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จังหวัดพัทลุง ยังน่าเป็นห่วง ล่าสุด น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ได้ไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอกงหรา อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอตะโหมด อำเภอป่าบอน อำเภอเขาสน อำเภอเมือง และ อำเภอควนขนุน บ้านเรือนราษฎรน้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ถนนหลายสายไม่สามารถใช้สัญจรผ่านไปมาได้ โดยเฉพาะที่ บ้านด่านโลด เขตเทศบาล ตำบลควนเสาธง อำเภอตะโหมด ชาวบ้านกว่า 150 ครัวเรือน ต้องอพยพสิ่งของขึ้นที่สูงเป็นการด่วนหลังจากน้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว และต่างขนย้ายสิ่งของไม่ทันต้องจมอยู่ใต้น้ำ และบางรายต้องพาครอบครัวเดินลุยน้ำไปพักบ้านญาติ เนื่องจากน้ำท่วม นอนพักไม่ได้ ในขณะที่ฝนยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำป่าไหลท่วม ถนน สายเพชรเกษม - พัทลุง- ตรัง เป็นช่วงๆ ในเขต อำเภอศรีนครินทร์ สูงประมาณ 50 - 70 ซ.ม. และจนถึงขณะนี้ ประชาชนได้รับความเดือนร้อนกว่า 1,500 ครัวเรือน แล้ว

ขณะที่ จังหวัดยะลา ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ เนื่องจาก มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้ ภาคใต้ มีฝนตกหนัก ถึงหนักมากในหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัย ตามที่ลาดเชิงเขา หรือ ที่ลุ่มใกล้ทางน้ำไหลของ จังหวัดปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลภาคใต้ ฝั่งตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่าง ควรงดออกจากฝั่ง ในช่วงวันที่ 22 - 23 พฤศจิกายน นี้ ทางด้าน นายเวโรจน์ สายทองแท้ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา ได้สั่งการให้มีการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะ เรือท้องแบน และประสานหน่วยกำลังในพื้นที่ทั้งทหาร ตำรวจ และ อาสาสมัคร เตรียมความพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือราษฎร และสัตว์เลี้ยง ขึ้นไว้ในที่สูงทันที หากเกิดน้ำใน แม่น้ำสายบุรี และ แม่น้ำปัตตานี ล้นตลิ่งในวันนี้

ด้านจังหวัดนราธิวาส นายประดิษฐ์ ปิ่นกระจาย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส เปิดเผยถึงแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านในพื้นที่ว่า ล่าสุดยังน่าเป็นห่วงเพราะปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแม่น้ำสุไหงโก-ลก ล้นตลิ่งท่วมเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และพื้นที่ลุ่ม ต.ปาเสมัส

ขณะที่แม่น้ำบางนราขึ้นสูงเช่นกัน เพราะมีน้ำจาก อ.ระแงะ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำไหลมาสมทบ ทำให้พื้นที่บางส่วนของ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ อ.เจาะไอร้อง และ อ.เมือง มีน้ำท่วมขัง ส่วน อ.ศรีสาคร แม่น้ำสายบุรี แม้ระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่ง แต่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้ามีฝนตกอีกอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน

อย่างไรก็ดีขณะนี้ นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นำเจ้าหน้าที่ศูนย์เฉพาะกิจป้องกัน อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม เร่งสำรวจความเสียหายในพื้นที่ ต.บาตง อ.รือเสาะ และแจกเครื่องอุปโภคบริโภคบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นกว่า 100 ครัวเรือน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีน้ำท่วมถนนสายหลัก ไม่สามารถสัญจรได้

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สงขลา /สั่งปิดน้ำตกทั้ง 4 แห่งในจ.สงขลาและสตูล หลังปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น



สงขลา / สั่งปิดน้ำตกทั้ง 4 แห่งในจ.สงขลาและสตูล หลังปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก หวั่นน้ำป่าไหลทะลักลงมา เพื่อความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2552 จากภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในวันนี้ ล่าสุดได้มีการสั่งปิดน้ำตกจำนวน 4 แห่งที่อยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างอย่างไม่มีกำหนดแล้ว ประกอบด้วยในพื้นที่จ.สงขลา 3 แห่ง คือ น้ำตกโตนงาช้าง น้ำนกโตนปลิว และน้ำตกบริพัทธ์ และในพื้นที่จ.สตูล 1 แห่งคือ น้ำตกปาหนัน เนื่องจากปริมาณน้ำของน้ำตกทั้ง4 แห่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไหลแรงจนไม่สามารถลงเล่นน้ำได้เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว และอาจเกิดน้ำป่าไหลทะลักลงมา จึงจำเป็นต้องปิดอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ

ในขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในจ.สงขลา ล่าสุด นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจ.สงขลา เปิดเผยว่า ทางจังหวัดได้มีการประกาศให้พื้นที่ทั้ง 16 อำเภอของจ.สงขลา เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้วพร้อมกับตั้งงบประมาณให้ทั้ง 16 อำเภอ ๆ ละ1 ล้านบาทเพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมโดยเฉพาะเครื่องยังชีพในเบื้องต้น

โครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดิน 5 จังหวัด อนุมัติแล้ว 142 ล้านบาท

สงขลา/ประชุมอนุกรรมการฯพัฒนาที่อยู่อาศัย ไทยเข้มแข็ง 5 จังหวัดชายแดนใต้ อนุมัติกรอบงบประมาณรายตำบล รวม 3,110 หลังคาเรือน ในจังหวัด ปัตตานี นราธิวาส และสตูล พร้อมแจงทุกโครงการผ่านการกลั่นกรองจากตำบลถึงจังหวัด โดยผวจ.ลงนามแต่งตั้งคณะกลั่นกรอง พร้อมขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆให้มากขึ้น

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2552 ณ ห้องประชุมสมิหลา 1 โรงแรมบีพี สมิหลา บีช แอนด์ รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา คณะอนุกรรมการโครงการพัฒนาความมั่นคงในการอยู่อาศัยของคนจนในเมืองและชนบทโดยชุมชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) จัดประชุมครั้งที่ 3/2552

ในการประชุมครั้งนี้คณะอนุกรรมการฯพิจารณาอนุมัติกรอบงบประมาณรวม 142,860,000 บาท ในพื้นที่ 3 จังหวัด 9 อำเภอ 13 ตำบล 68 หมู่บ้าน แบ่งเป็นสนับสนุนงบประมาณด้านซ่อมแซมบ้าน 2,350 หลังคาเรือน ต่อเติม 10 หลังคาเรือน และสร้าง 750 หลังคาเรือน รวมทั้งสิ้น 3,110 หลังคาเรือนประกอบด้วย
พื้นที่จ.ปัตตานี ประกอบด้วย ต.พ่อมิ่ง อ.ปานาเระ ต.สะนอ ต.เขาตูม อ.ยะรัง ต.ตะโละ ต.ตาแกะ อ.ยะหริ่ง ต.บางเก่า อ.สายบุรี อนุมัติรวม 70,680,000 บาท
พื้นที่จ.นราธิวาส ประกอบด้วย บ้านซือเลาะ ต.เรียง อ.รือเสาะ อนุมัติ 1,500,000 บาท ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ อนุมัติ 11,780,000 บาท
พื้นที่จ.สตูล ประกอบด้วย ต.เกตรี ต.เจ๊ะบิลัง ต.ควนโพธิ์ อ.เมือง ต.ขอนคลาน อ.ทุ่งหว้า ต.ปากน้า อ.ละงู อนุมัติรวม 58,900,000 บาท

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ชุมชนยะลาเสนอภาครัฐหนุนสวัสดิการชุมชน

ยะลา/ผู้ว่าฯยะลาให้เกียรติเป็นประธานเปิดสมัชชาสวัสดิการสังคม เปิดเวทีเรียนรู้ด้านการรวมกลุ่มออมทรัพย์ช่วยเหลือกันเองภายในชุมชน พร้อมสรุปบทเรียน จัดทำข้อเสนอต่อภาครัฐให้ อปท. หน่วยงานรัฐระดับจังหวัด รัฐบาลกลาง ร่วมสมทบกองทุนสวัสดิการ และเน้นชุมชนเป็นหลักจัดสวัสดิการดูแลกันเอง

เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เครือข่ายองค์กรชุมชน จ.ยะลา ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ยะลา และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานปฏิบัติการภาคใต้ จัดประชุมสมัชชาสวัสดิการสังคม จ.ยะลา ณ อาคารศรีนิบง อ.เมือง จ.ยะลา มีประชาชนเข้าร่วม ๕๐๐ คน ในโอกาสนี้นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดการประชุม และมอบเงินสวัสดิการแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ

การจัดงานครั้งนี้มีการเสวนาการปฏิรูประบบสวัสดิการสังคมไทยกับการเป็นสังคมสวัสดิการ เพื่อเป็นการสร้างการเรียนรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม และมีการระดมความคิดเพื่อสรุปบทเรียนการจัดสวัสดิการสังคมที่ผ่านมาและข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมการจัดสวัสดิการชุมชน

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"ศูนย์ประสานงานอาสาสมัครในสถานการณ์ภัยพิบัติ" ภาพสะท้อนการจัดการพิบัติโดยชุมชน

ในสภาวะที่การเปลี่ยนแปลงของโลกมีมากขึ้น ทำให้โลกสูญเสียสมดุลของธรรมชาติ ได้เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดในรูปแบบของภัยพิบัติต่างๆ ที่ยากจะคาดเดาว่า จะเกิดเมื่อไร? จะเกิดที่ไหน? ความรับผิดชอบต่อธรรมชาติที่มนุษย์พึ่งจะเริ่มตระหนัก ก็อาจจะสายเกินกว่าจะเยียวยาได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และรู้จักวิธีการจัดการภัยพิบัติ ย่อมจะมีประโยชน์มากกว่าการโทษตัวเอง

สภาพการณ์เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นสิ่งหนึ่งที่ควรตระหนักถึงคือ การเข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบเหตุ ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งองค์กรระดับประเทศ และระดับภูมิภาค ในการสร้างภาคีร่วมระหว่างองค์กรรัฐและภาคประชาสังคม เพื่อจัดการภัยพิบัติ ซึ่งนับเป็นวิธีการลดความสูญเสียที่น่าสนใจมาก จึงมีการจัดการประชุมเพื่อหาแนวร่วมในการเข้าจัดการปัญหาภัยพิบัติต่างๆ ภายในภาคีสมาชิกอาเซียน (ASEAN) ซึ่งมีสมาชิก 10 ประเทศ

ในระดับอาเซียน (ASEAN) ก็มีเวทีแลกเปลี่ยนเรื่องการจัดการภัยพิบัติที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐและประชาสังคม อาเซียนให้ความสำคัญกับประเด็นภัยพิบัติ คือ เมื่อต้นปีได้มีการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมของอาเซียน และมีมติจากการประชุมครั้งนั้น ให้มีการจัดตั้งการร่วมมือระหว่างทหารกับภาคประชาสังคม เรื่องความมั่นคงที่ไม่เป็นทางการ เขามองว่าจะขับเคลื่อนเรื่องนี้ ที่ผ่านมามีภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับภูมิภาคหลายครั้ง และมีการผลักดันของประชาสังคมค่อนข้างสูงว่าควรจะให้มีการแก้ปัญหาร่วมกันของทหาร ดังนั้น กระทรวงกลาโหมไทยและมาเลเซีย ก็ได้เป็นเจ้าภาพร่วม จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคอาเซียน เรื่องกลาโหมอาเซียนและภาคประชาสังคม ความช่วยเหลือและการบรรเทาทุกข์เนื่องจากภัยพิบัติ วัตถุประสงค์คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ต่อการกำหนดแนวทางและกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก แต่การมองแบบรัฐก็ไม่ได้เห็นบริบทของปัญหาทั้งหมด และบางครั้งการเข้าไปประชุมร่วมกันกับภาคประชาสังคมก็มีการไม่ลงตัวตามกรอบของภาคประชาสังคม ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจอีกมาก"

อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คนยาลอ เสนอภาครัฐหนุนชุมชนจัดสวัสดิการเพื่อชุมชน

สมพล โชคดีศรีสวัสดิ์
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานปฏิบัติการภาคใต้

ผู้ว่าฯยะลา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดสมัชชาสวัสดิการสังคม เปิดเวทีเรียนรู้ด้านการรวมกลุ่มออมทรัพย์ช่วยเหลือกันเองภายในชุมชน พร้อมสรุปบทเรียน จัดทำข้อเสนอต่อภาครัฐ ให้ อปท.หน่วยงานรัฐระดับจังหวัด รัฐบาลกลาง ร่วมสมทบกองทุนสวัสดิการ และเน้นส่งเสริมชุมชนเป็นหลักจัดสวัสดิการดูแลกันเอง

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2552 เครือข่ายองค์กรชุมชนจ.ยะลา ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานปฏิบัติการภาคใต้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดงานประชุมสมัชชาสวัสดิการสังคม จ.ยะลา ณ อาคารศรีนิบง อ.เมือง จ.ยะลา มีประชาชนเข้าร่วม 500 คน ในโอกาสนี้นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดการประชุม และมอบสวัสดิการแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ

การจัดงานครั้งนี้มีการเสวนาการปฏิรูประบบสวัสดิการสังคมไทยกับการเป็นสังคมสวัสดิการ เพื่อเป็นการสร้างการเรียนรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม และมีการระดมความคิดเห็นเพื่อสรุปบทเรียนการจัดสวัสดิการชุมชนที่ผ่านมา และข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมการจัดสวัสดิการชุมชน

นายสุไลมาน วอโตะแม ประธานกรรมการกองทุนเครือข่ายสวัสดิการชุมชน ต.กาลูปัง อ.รามัน จ.ยะลา กล่าวว่า ชาวบ้านไม่มีสวัสดิการอะไรเหมือนอย่างที่ข้าราชการมี ขณะเดียวกันชาวบ้านเองก็ไม่ได้คิดที่จะรวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือกันเอง ขาดความรู้เรื่องการรวมกลุ่มเพื่อออมทรัพย์ แล้วนำมาเป็นทุนหมุนเวียนช่วยเหลือกัน

รัฐมนตรีฯ ศึกษา แถลงนโยบาย เอาใจเด็ก 3 จังหวัดใต้

โดย : มัยยีดะห์ มะมิง (11/11/2009)

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ประชุมแถลงนโยบายการบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นในวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2552 ณ โรงแรมซี เอส ปัตตานี โดยมีผู้บริหารองค์กรหลักของ กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครูทั้งรัฐและเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมรับฟังกว่า 1,000 คน ถึงปัญหาด้านการศึกษาใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประกอบด้วย จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอใน จ.สงขลามีอยู่ 3 ประเด็น ได้แก่ ปัญหาคุณภาพ ปัญหาโอกาส และสวัสดิการและสวัสดิภาพของครู

นายจุรินทร์ กล่าวว่าด้วยเหตุนี้ ศธ. จึงได้ตั้งคณะกรรมการบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี นายนิวัตร นาคะเวช รองปลัด( ศธ.)เป็นประธาน โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เด็กอ่อนด้านการศึกษา สาเหตุแรกที่เห็นได้ชัดอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องของผลการสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือที่เรียกกันว่า O-NET ซึ่งเด็กภาคใต้มีคะแนนต่ำอยู่ที่อันดับสุดท้ายของประเทศ จากผลการประเมิน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการยกระดับคุณภาพการศึกษา สาเหตุที่สอง เนื่องจากเด็กมุ่งเน้นการศึกษาในเรื่องศาสนามากเกิน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องให้ความสำคัญในด้านวิชาสามัญและวิชาชีพด้วย เพราะ เมื่อจบการศึกษาภาคบังคับจะสามารถเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตัดโอกาสทางการศึกษา รวมถึงมีปัญหาครูขาดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

อ่านรายละเอียดของข่าว คลิ้กที่นี่ครับ

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

น้ำเริ่มลดแต่ชาวบ้านยังไม่คลายทุกข์

น้ำเริ่มลดแต่ชาวบ้านยังไม่คลายทุกข์ ครวญรัฐช่วยเหลือไม่ทั่วถึง
แวลีเมาะ ปูซู
นาซือเราะ เจะฮะ
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา


แม้สถานการณ์ฝนถล่มและอุทกภัยครั้งใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ยังไม่หมดไป เพราะจนถึงขณะนี้ความช่วยเหลือจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเข้าไม่ถึงอย่างครอบคลุม

จังหวัดที่หนักที่สุดในห้วงเวลานี้คือ จ.ปัตตานี เนื่องจากที่ตั้งของเมืองอยู่ปากแม่น้ำปัตตานี จึงเป็นจุดรับน้ำของทั้ง จ.ยะลา และนราธิวาส อีกทั้งแม่น้ำปัตตานียังไหลผ่านใจกลางเมืองด้วย แม้หลายวันที่ผ่านมาทุกหน่วยงานรวมทั้งทหารจากหน่วยเฉพาะกิจต่างๆ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) จะพยายามเข้าให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับผลกระทบที่ชาวบ้านได้รับ โดยเฉพาะน้ำดื่มและข้าวสารที่ชาวบ้านต้องการอย่างมาก

จากการนั่งเรือเข้าไปสำรวจพื้นที่ของ "ทีมข่าวอิศรา" และพูดคุยกับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ปรากฏว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ต้องการน้ำดื่ม บางส่วนที่เป็นมุสลิมฝากถึงเจ้าหน้าที่รัฐว่า หากนำอาหารมาแจกจ่าย ขอให้เป็นอาหารที่อิสลามทานได้ เพราะช่วงน้ำท่วมปีที่ผ่านมา อาหารที่นำมาแจก มุสลิมไม่สามารถรับประทานได้ จึงต้องทิ้ง เสียดายของ

อ่านรายละเอียดของข่าว คลิ้กที่นี่ครับ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คนสงขลาร่วมกำหนดอนาคต “บนฐานทรัพยากรที่ยั่งยืน”

โดย : Cha na News

เครือข่ายชุมชนสงขลา จัดเวทีชวนคิด ร่วมคุย เพื่อกำหนดอนาคตคนสงขลาด้วยแผนพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ทำลายฐานทรัพยากร และวิถีชีวิตของคนสงขลา

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2552 ที่ห้องประชุมเกษม ลิ่มวงศ์ ศูนย์การประชุมคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีการจัดเวทีสัมมนา ร่วมกำหนดอนาคตคนสงขลา “บนฐานทรัพยากรที่ยั่งยืน” มีผู้เข้าร่วมเวทีประมาณ 200 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจาก หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา สมาคม กลุ่มองค์กรชุมชน และองค์กรภาคประชน รวมทั้งองค์กรสาธาธระประโยชน์ต่างๆในพื้นที่จังหวัดสงขลา

นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลาได้นำเสนอถึงภาพรวมทิศทางการพัฒนาจังหวัดสงขลา ซึ่งตามกรอบการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ได้ระบุให้จังหวัดสงขลาอยู่ในกลุ่มจังหวัดชายแดนซึ่งมีการระบุว่าเป็นพื้นที่กลุ่มเป้าหมายเหมาะที่จะพัฒนาพลังงานและปิโตรเคมี ปัจจุบันหลังจากที่มีการพัฒนาโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย- มาเลเซีย ตามด้วยโครงไฟฟ้าจะนะ ขณะกำลังมีโครงการที่จะขยายโรงไฟฟ้าจะนะ และกำลงจะมีโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกที่บ้านสวนกง ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลาเพื่อการพัฒนาสะพานเศรษฐกิจสงขลา- สตูลและเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดสงขลา การพัฒนาต้องเอาสุขภาพคนเป็นตัวตั้ง ซึ่งแม้การดำเนินโครงการจะพยายามบอกว่ามีการกำหนดมาตรฐาน ซึ่งในความเป็นจริงค่ามาตรฐานการควบคุมของประเทศไทยต่ำกว่าต่างประเทศ และสุขภาพของคนจะกำหนดโดยค่ามาตรฐานไม่ได้ เพราะความแข็งแรงของร่างกายของมนุษย์แต่ละคนไม่เท่ากัน การได้รับมลพิษแล้วมีผลต่อร่างกายแต่ละคนไม่เท่ากัน

อ่านรายละเอียดของข่าว คลิ้กที่นี่ครับ

ดับไฟใต้สไตล์ “ผู้ว่าฯกฤษฎา”

อาสาปลดชนวน "อยุติธรรม"

สมศักดิ์ หุ่นงาม
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา


เอ่ยชื่อ “กฤษฎา บุญราช” บางคนยังติดปากเรียกด้วยความเคยชินแบบเดิมๆ ว่า “ท่านรองฯกฤษฎา” เพราะเจ้าตัวเคยนั่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาอยู่หลายปี ทั้งๆ ที่วันนี้เขาก้าวขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเต็มตัวแล้ว

"ผู้ว่าฯกฤษฎา" สมัยที่เป็นรองผู้ว่าฯ เคยให้สัมภาษณ์แบบยาวๆ กับ “ทีมข่าวอิศรา” จนสร้างกระแสฮือฮามาแล้ว โดยเฉพาะการชำแหละ 6 ปัจจัยจุดไฟใต้ และการแก้ไขสถานการณ์ร้ายด้วยกฎของหมู่บ้าน ที่เรียกว่า “ฮูกมปาก๊ะ”

วันนี้ "ผู้ว่าฯกฤษฎา" ทำหน้าที่เป็น “พ่อเมืองตัวจริง” เขาประกาศดูแลลูกบ้านให้ได้รับความเป็นธรรม เพื่อถอดชนวน “ความอยุติธรรม” ที่เป็นเงื่อนไขทำให้เกิดปัญหาในดินแดนแห่งนี้มาเนิ่นนาน

และเขาน่าจะเป็นผู้ว่าฯเพียงไม่กี่คนที่กล้าประกาศว่า จะสังคายนาคดี “คนหาย” และคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนในจังหวัด ตลอดจนสะสางปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยเฉพาะ “ใบกระท่อม” เป็นวาระเร่งด่วนในการทำงาน

ความน่าสนใจจากการพูดคุยกับ “ผู้ว่าฯกฤษฎา” ทุกครั้งก็คือ ทัศนะการมองปัญหาไฟใต้จากมุมที่หลากหลายและอิงกับความเป็นจริง พร้อมด้วยตัวอย่างจาก "เรื่องจริง" ที่ทำให้ฉายสถานการณ์ได้อย่างชัดแจ๋ว...

อ่านรายละเอียดของข่าว คลิ้กที่นี่ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

103 องค์กรประชาชน แถลงการณ์ค้านเปิดเสรีลงทุนอาเซียน

103 องค์กรประชาชน แถลงการณ์ค้านเปิดเสรีลงทุนอาเซียน ผลักดันรัฐสงวนอาชีพชุมชน

กลุ่มเครือข่ายองค์กรประชาชน 103 องค์กร แสดงจุดยืนคัดค้านข้อตกลงการเปิดเสรีการลงทุนอาเซียน(เอซีไอเอ) ในเขตการค้าเสรีอาเซียน(อาฟต้า) 3 สาขา การเพาะและขยายพันธุ์พืช การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การปลูกป่า ชี้ชักศึกเข้าบ้านเอื้อประโยชน์ต่างชาติมากกว่าคนไทย ผลักดันรัฐบาลปกป้องทรัพยากรดิน น้ำ ป่า อาหาร สงวนอาชีพให้เกษตรกรรายย่อย ท้องถิ่น และคนไทย มิเช่นนั้นจะยื่นฟ้องรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน(ประเทศไทย), กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน(เอฟทีเอว็อทช์), สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ 103 องค์กรภาคประชาชน จัดแถลงข่าว “รัฐบาล และ กนศ. ต้องทบทวนการยกเลิกข้อสงวนในการเปิดเสรีการลงทุนอาเซียน ในสาขาเกษตร ประมงและป่าไม้” ขณะที่คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ(กนศ.) กำลังเตรียมจัดประชุมเพื่อพิจารณาความตกลงการเปิดเสรีการลงทุนอาเซียน และจัดทำข้อเสนอและมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบ ในเร็วๆนี้

อ่านรายละเอียดของข่าว คลิ้กที่นี่ครับ

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พอช.แจงผ่านทีวีไทย"โครงการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน 5 จ.ใต้ล่าง"

ผู้จัดการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)สำนักงานปฏิบัติการภาคใต้แจงกระบวนการช่วยแก้ปัญหาที่อยู่-ที่ดินคนจนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นกระบวนการประชาคม สร้างฉันทามติ ความโปร่งใสลดความขัดแย้งในชุมชน ย้ำนี่คือโอกาสพิสูจน์ความเชื่อการบริหารงบประมาณที่ให้ชุมชนเป็นหลัก จะนำไปสู่สันติสุขในพื้นที่

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม เวลา 11.00 น. สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ออกอากาศรายการ ดีสลาตัน ณ แดนใต้ ซึ่งนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับท้องถิ่นภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในครั้งนี้เชิญนายธีรพล สุวรรณรุ่งเรือง ผู้จัดการสำนักงานปฏิบัติการภาคใต้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. เข้าร่วมรายการเพื่ออธิบายโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมนำเสนอกรณีพื้นที่ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา

นายธีรพล อธิบายถึงการดำเนินโครงการดังกล่าวว่า รัฐบาลมอบงบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็งให้กับพอช.ในปีงบประมาณ 2553 จำนวน 1,228 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินในพื้นที่ 5 จังหวัด ให้แก่ประชาชนผู้มีฐานะยากจนมีรายได้น้อยกว่า 64,000 บาทต่อปี ในส่วนของที่อยู่อาศัยจะดำเนินการ 2 ลักษณะ ได้แก่ การสร้างใหม่ สนับสนุนงบประมาณ 80,000-120,000 บาท และการซ่อมแซมหรือต่อเติมบ้านเก่า สนับสนุนงบประมาณ 15,000-50,000 บาท ตามแต่สภาพความเป็นจริง

แนวทางการดำเนินโครงการจะเน้นการมีส่วนร่วม เริ่มจากการสำรวจรายชื่อผู้เดือดร้อน ซึ่งใช้ข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ และการที่ชาวบ้านมาแจ้งเอง หลังจากได้ข้อมูลแล้วคณะทำงานระดับหมู่บ้านจะมาช่วยกันตรวจสอบ เป็นกระบวนการประชาคมหมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วย 4 เสาหลัก ได้แก่ ผู้นำศาสนา ผู้นำธรรมชาติ ผู้นำท้องถิ่นคือ อบต. ผู้นำท้องที่ คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เมื่อได้รายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณาแล้วก็จะส่งข้อมูลต่อไปยังระดับอำเภอ ระดับจังหวัด หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่พอช.เข้ามาช่วยชุมชนพัฒนาโครงการ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณ โดยให้ชาวบ้านเป็นเจ้าของโครงการ บริหารงบประมาณโครงการด้วยตนเอง และการให้ผู้ได้รับความช่วยเหลือแล้วส่งเงินคืนกลับสู่ชุมชน เพื่อเป็นกองทุนหมุนเวียนให้ชุมชนนำไปใช้ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนรายอื่นต่อไป

ผู้จัดการสำนักงานปฏิบัติการภาคใต้ ตอบคำถามเรื่องงบประมาณลงสู่ชุมชนอาจจะสร้างความขัดแย้งในชุมชน ว่า เรื่องนี้เป็นข้อกังวลของเรา เราจึงเน้นการสร้างกระบวนการภายในชุมชนในการดำเนินงาน ซึ่งโดยธรรมชาติพี่น้องในชุมชนย่อมต้องถกเถียงกันเองเพื่อหาผู้ที่เหมาะสมและเป็นฉันทานุมัติร่วมกัน ซึ่งตรงนี้มีความยากลำบาก แต่ก็คือกระบวนการประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน ซึ่งถ้าเอากฎเกณฑ์ต่างๆเข้าไปเทียบก็เชื่อว่าจะนำไปสู่ข้อตกลงร่วมกัน สาเหตุความขัดแย้งยังเกิดจาก การรับรู้ข้อมูลไม่ทั่วถึงกัน ซึ่งทางพอช.ก็พยายามเร่งการประชาสัมพันธ์ แต่ที่เราเป็นห่วงมากคือ ความรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ตรงนี้เราพยายามที่จะมีกระบวนการตรวจสอบ สร้างการยอมรับร่วมกัน เพื่อให้เกิดเป็นฉันทามติร่วมกัน

ต่อคำถามเรื่องความโปร่งใสในการบริหารงบประมาณ นายธีรพล กล่าวว่า เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่บริหารในระดับตำบล หมู่บ้าน ปัญหาความไม่โปร่งใสก็จะเกิดขึ้นในระดับตำบล หรือหมู่บ้าน ไม่ใช่เกิดที่ระดับไหนก็ไม่รู้เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าชาวบ้านจะสามารถตรวจสอบติดตามกันเอง เช่น เมื่อนำเงินไปให้นาย ก แล้ว คนอื่นๆที่เหลือและกำลังรอรับประโยชน์ก็ย่อมจะเฝ้าดูนาย ก ว่าจะทำอย่างไร นอกจากนี้เรายังมีระบบติดตามจากภายนอกคือ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่จะช่วยให้ภาคประชาชนบริหารงบประมาณได้อย่างโปร่งใส

นายธีรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า พอช.เชื่อว่าหากให้โอกาสชาวบ้านขึ้นมาแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง บริหารโครงการด้วยตนเองจะทำให้เกิดความยั่งยืนมากกว่า ความเข้มแข็งของชุมชน ความร่วมมือกันอย่างจริงจัง ตลอดจนความโปร่งใสในการบริหารโครงการ เป็นปัจจัยที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จ และนี่คือด่านทดสอบความคิดความเชื่อที่ว่า ถ้าชุมชนเป็นหลักในการแก้ไขปัญหาของตนเองจะนำไปสู่สันติสุขในพื้นที่ เพราะนี่เป็นแนวทางที่แตกต่างกับอีกระบบหนึ่งซึ่งมีงบประมาณอีกมากมายในพื้นที่ 5 จังหวัด.
เนื้อหาข่าว จาก : http://www.souththai.org

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การประชุมสภาองค์กรชุมชนระดับชาติ

หนึ่งปีแปดเดือนสภาองค์กรชุมชนจัดตั้งแล้วกว่า 1,500 แห่ง ตั้งเป้าหมายปี 2555 ตั้งครบทุกตำบลทั่วประเทศ

วันที่ 29 ตุลาคม 2552 สถาบันพัฒนาองค์กรุชมชน(องค์การมหาชน) จัดประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ครั้งที่ 2 โดยมีเครือข่ายองค์กรชุมชน ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนหน่วยงาน ผู้แทนในระดับจังหวัด 76 จังหวัด ร่วมประชุมประมาณ 250 คน ณ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน บางกะปิ กรุงเทพฯ

เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการส่งเสริมจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบลที่จัดตั้งแล้ว ให้เกิดความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ และกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาด้านต่างๆ และข้อเสนอแนวทางการแก้ไข เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามบทบาทภารกิจที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 32 โดยมีนายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธานในพิธีเปิดครั้งนี้

นายแฉล้ม ทรัพย์มูล ประธานที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล กล่าวรายงานผลการดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชนตำบล ครั้งที่ 2 ว่า เป็นการประชุมต่อเนื่องจากการประชุมในครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2552 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดการประชุม และครั้งนั้นขบวนองค์กรชุมชนเองก็ได้ยื่นข้อเสนอการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นในเรื่องต่างๆ อาทิ การปฎิรูปที่ดินโดยชุมชน การแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัย สวัสดิการชุมชน การคุ้มครองแหล่งผลิตอาหาร เป็นต้น รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อติดตามความคืบหน้า ซึ่งรัฐบาลได้นำข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณาเป็นแนวนโยบายสำคัญของรัฐบาล คลิ้กอ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สัมมนาวิทยากร"แม่ไก่"ขับเคลื่อนโครงการแก้ไขที่อยู่อาศัย 5 จังหวัด

ประธานบอร์ด พอช.เปิดสัมมนาวิทยากรกระบวนการ เชิญ 300 ผู้แทนชุมชน ทำความเข้าใจโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยที่ดินทำกิน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ตลอดจนกระบวนการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งระดมความคิดจัดทำแผนขับเคลื่อนงาน

วันที่ 21-22 ตุลาคม 2552 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. จัดสัมมนาวิทยากรกระบวนการภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่นเป็นหลัก ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุม โรงแรม หาดใหญ่ พาราไดส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีผู้แทนชุมชนเข้าร่วม 300 คน ซึ่งพร้อมที่จะเป็นวิทยากรกระบวนการขับเคลื่อนโครงการฯในพื้นที่เป้าหมาย หรือ "วิทยากรแม่ไก่” โดยมีพล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) เป็นประธานเปิดการสัมมนา

โครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยชุมชนท้องถิ่นเป็นหลัก โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ตามนโยบายไทยเข้มแข็ง ของรัฐบาล และมีแนวทางการดำเนินโครงการที่เน้นให้ชุมชนเป็นแกนหลักในการดำเนินงาน

โครงการนี้กำหนดพื้นที่เป้าหมายดำเนินการในปี 2553 ประกอบด้วยเป้าหมายตามโครงการฯจำนวน 120 ตำบล และหมู่บ้านเป้าหมายภายใต้แผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดจำนวน 696 หมู่บ้าน

ทั้งนี้กระบวนการดำเนินงานในส่วนของการซ่อมแซม หรือสร้างบ้าน เน้นการให้ชุมชนเป็นแกนหลัก โดยคณะทำงานในระดับชุมชน จัดเวทีทำความเข้าใจวัตถุประสงค์และแนวทางการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งดำเนินการสำรวจข้อมูล จัดเวทีประชาคมหมู่บ้านตรวจสอบข้อมูล กำหนดเกณฑ์การคัดเลือก เกณฑ์การสนับสนุนงบประมาณ แนวทางการดำเนินการ และคัดเลือกผู้ที่ควรได้รับความช่วยเหลือ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการซ่อมแซม หรือสร้างบ้าน ตลอดจนการจัดตั้งกองทุนชุมชนรองรับการจ่ายเงินคืนจากสมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำเงินกองทุนไปใช้พัฒนาหมู่บ้านในด้านอื่นๆต่อไปตามความประสงค์ของชุมชน

ด้านกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน สนับสนุนกระบวนการจัดตั้งคณะทำงานรวมกลุ่มผู้เดือดร้อนในระดับตำบล และระดับอำเภอ จัดทำข้อมูล หลักฐานการครอบครองที่ดิน สำรวจรังวัดการถือครองที่ดิน จัดทำแผนที่ทำมือ จัดทำแผนที่GIS 1:4000 แล้วจึงจัดทำประชาคมหมู่บ้านตรวจสอบข้อมูล และรับรองข้อมูล ก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการแก้ไขการบุกรุกที่ของรัฐระดับจังหวัด(กบร.จังหวัด) หรือคณะกรรมการร่วมระดับอำเภอ หรือระดับจังหวัด หากได้ข้อยุติก็จะจัดทำแผนพัฒนาด้านต่างๆที่ต่อเนื่องจากการแก้ไขปัญหาที่ดิน หากไม่ได้ข้อยุติก็นำเข้าสู่กระบวนการพิสูจนสิทธิ์ตามกฎหมายต่อไป

ในการสัมนาครั้งนี้ยังได้แบ่งกลุ่มเป็นรายจังหวัด เพื่อร่วมกันระดมความคิดในการจัดทำแผนงานการขับเคลื่อนโครงการในแต่ละพื้นที่ ก่อนที่จะนำไปปฏิบัติจริงในพื้นที่ต่อไป.

โดย : สมพล โชคดีศรีสวัสดิ์ http:// souththai.org

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ขบวนองค์กรชุมชนกับการพัฒนาประเทศในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดงานสมัชชาองค์กรชุมชนระดับชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๒ “พลังชุมชน เข้มแข็ง เปลี่ยนแปลงสังคมไทย” ณ ห้องประชุมวิทยทัศน์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งคณะประสานงานองค์กรชุมชน (คปอ.)ร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ร่วมจัดประชุม โดยมีผู้แทนองค์กรชุมชนทั่วประเทศ ผู้แทนหน่วยงาน สถาบันวิชาการ ประมาณ ๙๐๐ คน เข้าร่วมงาน

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีแนวนโยบายที่จะสนับสนุนขบวนองค์กรชุมชน คือ การทำงานเคียงคู่กับภาคประชาชน นโยบายที่ประกาศจึงสอดคล้องกับแนวทางที่ประชาชนเรียกร้อง ทั้งเรื่องสวัสดิการ โฉนดชุมชน ธนาคารที่ดิน สื่อ ทรัพยากรธรรมชาติ โดยรัฐบาลเป็นผู้หนุนเสริมภาคประชาชนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จึงมีการตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนแห่งชาติด้วย

รัฐบาลพยายามแปลงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และสนับสนุนแนวทางการทำงานร่วมกับประชาชน โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานภาคประชาชนขึ้นเพื่อรับเรื่องของประชาชน ซึ่งจะมีการประชุมเรื่องมาตรา 67 กรณีมาบตาพุด ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่จะมีการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับชุมชน เรื่องแผนชุมชนที่เราเคยคิดมานานแล้ว ก็จะนำมาพิจารณาเพื่อนำงบประมาณจากผู้ว่าซีอีโอมาสนับสนุนด้วย

“ผมยอมรับว่า ภาคชุมชนได้ก้าวหน้าไปมากกว่าภาครัฐ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องปรับในหลายเรื่องเพื่อทำงานร่วมกัน ถ้ารัฐบาลนี้มีอันเป็นไป รัฐบาลที่เข้ามาจะเปลี่ยนแนวทางนี้ไปหรือไม่ รัฐบาลชุดนี้ก็คิดเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน เพื่อให้เรื่องต่าง ๆ ของชุมชนไห้อยู่ถาวร เช่น เรื่องบ้านมั่นคง โฉนดชุมชน สภาองค์กรชุมชน สื่อชุมชน เป็นต้น และอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลต้องนำไปคิด” นายสาทิตย์ กล่าว

หลังจากพิธีเปิดได้มีการเสวนา “ขบวนองค์กรชุมชน กับการพัฒนาประเทศในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง” โดยมีผู้ร่วมเสวนา คือ นายนาวิน สินธุสอาด จากสำนักบริหารปกครองท้องที่ กระทรวงมหาดไทย ,นายแก้ว สังข์ชู ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชน ,นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ สำนักสุขภาพแห่งชาติ นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา อดีตผู้อำนวยการ พอช. และอาจารย์ประภาส ปิ่นตกแต่ง นักวิชาการจากจุฬาวงกรณ์มหาวิทยาลัย

นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ กล่าวว่า สุขภาพในมิติการพัฒนาไม่ใช่เพียงแต่ความเจ็บป่วย และยาเพียงเท่านั้น แต่ทุกวันนี้เราต้องพูดถึงสุขภาวะ ที่มีเรื่องของสุขภาพรวมอยู่ในโครงสร้างของชุมชน คือรากฐานสำคัญทางสังคม การพัฒนาประเทศต้องทำให้เกิดความสมดุลของอำนาจ จึงได้เสนอ ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ๔ ยุทธศาสตร์ คือ

หนึ่ง ยุทธศาสตร์ชุมชน ที่ให้องค์กรชุมชน เครือข่าย และการมีส่วนร่วม เช่น การพัฒนานโยบายสาธารณะเป็นฐาน
สอง ยุทธศาสตร์ปัญญา ใช้ความรู้เป็นฐาน (ความรู้ใหม่/ภูมิปัญญาท้องถิ่น) และการจัดการความรู้
สาม ยุทธศาสตร์วัฒนธรรม คือ จุดแข็งของขบวนองค์กรชุมชนที่เกิดจากความภาคภูมิใจของคนในชุมชน อันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมชุมชน ภูมิปัญญาชุมชน และจิตวิญญาณชุมชน
สี่ ยุทธศาสตร์การสื่อสารทางสังคม ที่เน้นพื้นที่ทางสังคม และการสื่อสารให้ทั่วถึง เป็นกระบวนการทำงานที่ต่อเนื่อง ทั่วถึงิดจากความภาคภูมิใจของคนในชุมชนื่อมโยงแนวทางการดำเนินงานร่วมกัเกาะเกี่ยวกันให้เหนี่ยวแน่น

นายแก้ว สังข์ชู ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชน กล่าวว่า เป้าหมายของเรา คือ ทำให้ข้างล่างเข้มแข็ง และขยายเรื่องที่ดีออกไป เชื่อมโยงเพื่อน ๆ ที่มีอยู่มาทำงานด้วยกัน ใช้ประเด็นต่าง ๆ เป็นเครื่องมือ เป็นตัวบอกทิศทางการพัฒนาได้ เราจะสร้างโอกาสนี้อย่างไร เพื่อให้คนอื่นมาร่วมกับเราให้ได้ โดยได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และการให้สถานะทางสังคมที่เท่าเทียมกัน ใช้สภาองค์กรุชมชน เป็นเรื่องที่ทุกคนนั่งอยู่ในเรือลำเดียวกัน พูดคุยกันเพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน เราไม่สามารถทิ้งเรือได้ แต่เราต้องคุยกัน ต้องสร้างโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาคุยกัน สุดท้ายอยู่ที่เราจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่หน่วยงาน ถ้าเราเข้มแข็งจริง ๆ หน่วยงานเขาก็รับฟังเอง

ในช่วงบ่ายได้มีการแบ่งกลุ่มย่อย ห้องเรียนรู้ออกเป็น ๖ กลุ่ม ได้แก่ ขบวนองค์กรชุมชนกับระบบเศรษฐกิจ ,ขบวนองค์กรชุมชนกับวิกฤติและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม/การศึกษา , ขบวนองค์กรชุมชนกับการเมืองภาคพลเมือง, ขบวนองค์กรชุมชนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม, ขบวนองค์กรชุมชนกับสื่อสร้างสรรค์ และขบวนองค์กรชุมชนกับภาคีสนับสนุน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก :
http://www.codi.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=2777&Itemid=2

สัมภาษณ์พิเศษ "พี่ทิพย์" ผอ.พอช.

จาก หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันที่ 21 ตุลาคม 2552
สัมภาษณ์พิเศษ

ทิพย์รัตน์ นพลดารมย์

ผอ.สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน

“สร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรชุมชน”


“ในโอกาสที่ พอช.จะย่างเข้าสู่ปีที่ 10 เราจะเน้นในการใช้ยุทธศาสตร์พื้นที่เป็นตัวตั้งและจะเน้นในเรื่องการพัฒนาเชิงคุณภาพมากขึ้น ยกระดับให้เกิดการทำงานที่เป็นเชิงคุณภาพ ทำให้องค์กรชุมชนมีอิสระ สามารถวางแผนตัวเองได้”

การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ซึ่งในปัจจุบันต้องยอมรับว่าองค์กรชุมชน ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความเข้มแข็งมากขึ้น

ความเข้มแข็งขององค์กรชุมชน นอกจากจะเกิดขึ้นจากการรวมตัวของประชาชนในการกำหนดวิถีชีวิตของตัวเองแล้ว สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) ถือเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน และสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์การชุมชน

นางทิพย์รัตน์ นพลดารมย์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) บอกว่า พอช.เกิดขึ้นจากการรวมกองทุน 2 กองทุนเข้าด้วยกัน คือสำนักงานพัฒนาชุมชนเมือง และกองทุนพัฒนาชนบท ภายใต้ พรบ.องค์การมหาชน ตั้งแต่ปี 2543 เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2543

“หน้าที่หลักๆ คือการสนับสนุน สร้างความเข้มแข็งขององค์กรชุมชน มีภาระกิจทั้งหมด 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.สนับสนุนความช่วยเหลือต่อองค์กรชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน เกี่ยวกับการประกอบอาชีพ การพัฒนาอาชีพ การเพิ่มรายได้ การพัฒนาที่อยู่อาศัย การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกชุมชนเมืองและชนบท โดยยึดหลักการพัฒนาแบบองค์รวมหรือบูรณาการ บนหลักการที่สมาชิกชุมชนต้องมีส่วนร่วมสำคัญ เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและประชาสังคม การส่งเสริมของ พอช.สนับสนุนในทุกๆ เรื่องทีชุมชนรวมตัวกันแล้วมีวัตถุประสงค์ เรื่องที่ 2.สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่องค์กรชุมชน และเครือข่ายองค์กรชุมชน โดยใช้ตัวเงินเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา 3.สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือองค์กรชุมชนและเครือข่ายชุมชน ตลอดจนประสานความช่วยเหลือสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ประสานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือให้แก่องค์กรชุมชนอีกที และเรื่องทที่ 4. ส่งเสริม สนับสนุน สร้างความร่วมมือขององค์กรชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน ระดับท้องถิ่น จังหวัด และประเทศ โดยการหนุนให้เกิดเครือข่ายไล่มาตั้งแต่ระดับชุมชน ถึงระดับประเทศ”

ผอ.พอช. บอกว่า มีเรื่องสำคัญหลายเรื่องที่พอช.ทำอยู่ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นเรื่องการสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรชุมชน โดยขณะนี้ในเรื่องของที่อยู่อาศัยก็จะเป็นเรื่องของบ้านมั่นคงที่เป็นการแก้ปัญหา และพัฒนาความมั่นคงของที่อยู่อาศัยให้กับชุมชนแออัด ชุมชนบุกรุก และผู้มีรายได้น้อยในเมือง โดยมีเป้าหมายว่าว่าจะทำอย่างไรให้เขามีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย ซึ่งเราเรียกกันโดยย่อๆ ว่า “โครงการบ้านมั่นคง” โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2546 ทำโครงการนำร่อง 10 โครงการ ต่อมาในปี 2547 ตอนที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะทำที่อยู่อาศัยเพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้มีรายได้น้อยในเมือง ก็ได้เสนอต่อรัฐบาลและได้รับการสนับสนุนให้ดำเนินการมา โดยครม.มีมติอนุมัติให้ทำ 200,218 หน่วย ภายในระยะเวลา 5 ปี

“โครงการนี้จะมีจุดเน้นคือให้ชุมชนเป็นเจ้าของโครงการเป็นหลักในการทำงาน เป็นทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของตัวเอง โดยความร่วมมือของชุมชนท้องถิ่นอื่นๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพยายามให้แก้ปัญหาในแต่ละเมืองอย่างเป็นระบบ โดยแต่ละเมืองจะหนุนให้เขาเกิดคณะทำงานเมือง”

นางทิพย์รัตน์ บอกว่า ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง แต่ละเมืองจะมีการสำรวจข้อมูลของตัวอง ดูว่ามีกี่ชุมชน ชุมชนนั้นอยู่ในที่ดินของใคร และต้องมีการวางแผนว่าใน 1 ปี 2 ปี 3 ปี จะมีการแก้ปัญหาชุมชนอย่างไร จะต้องมีรายการที่เริ่มดูว่าจะคุยกับเจ้าของที่ดินอย่างไร จะขอเช่า หรือจะขอซื้อ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในระยะยาวในการพัฒนาโครงการ

โดยในเบื้องต้นจะมีการทำความเข้าใจว่าโครงการบ้านมั่นคงมีวัตถุประสงค์อย่างไร หลังจากนั้นแต่ละเมืองเขาจะขับเคลื่อนของเขาเองได้ โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ พอช.ลงไป แต่จะเป็นการทำงานในระดับเมืองของแต่ละเมืองเองได้ ส่วนรัฐบาลสนับสนุนเรื่องสาธารณูปโภคและที่อยู่อาศัยบางส่วน แต่หากชาวบ้านจะต้องการสร้างบ้านใหม่ หรือซื้อที่ดินใหม่ก็จะต้องรับภาระ โดยใช้เงินจากกองทุนให้สินเชื่อ ซึ่งตอนนี้ พอช.ทำอยู่ 260 เมือง ทั่วประเทศ ครอบคลุมกว่า 1,400 ชุมชน 86,000 กว่าครัวเรือน ถ้าคิดเป็นคนก็มากกว่า 400,000 คน แล้วที่ได้รับการแก้ปัญหาภายใต้โครงการนี้ โดยมีงบประมาณที่สนับสนุนจากรัฐประมาณ 3,000 กว่าล้าน ที่ลงไปในเรื่องระบบสาธารณูปโภคทั่วประเทศ สำหรับ พอช.สนับสนุนเงินกองทุนเรื่องการให้สินเชื่อเพื่อซื้อที่ดิน และสร้างที่อยู่อาศัยแล้วกว่า 2,900 ล้านบาท

ในส่วนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวมไปถึง สงขลาและสตูล ผอ.พอช.บอกว่า ส่วนนี้จะเป็นโครงการที่รัฐบาลมอบหมายให้โดยเป็นโครงการซ่อมแซมและสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ โดยเฉพาะให้กับครอบครัวที่ยากจน ซึ่งเดิมทีเสนอไปที่รัฐบาลจะทำใน 120 ตำบล ซึ่งรวมการแก้ไขปัญหาที่ดินใน 20 พื้นที่ แต่ขณะนี้รัฐบาลอยากให้เราให้ความสำคัญกับ 696 หมู่บ้านที่ยากจนก่อน

นางทิพย์รัตน์ บอกอีกว่า นอกจากนี้ก็จะมีการทำเรื่องสภาองค์กรชุมชน เนื่องจากว่า พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน ออกเมื่อเดือนมกราคม 2551 และให้ พอช.เป็นหน่วยงานที่สนับสนุน สภาองค์กรชุมชนระดับตำบล คือจะทำอย่างไรให้องค์กรชุมชนระดับตำบลมีการรวมตัวกัน มีเวที เกิดเป็นสภา ที่จะสามารถมาพูดคุยปัญหา วางแผนแก้ปัญหาตัวเองและบูรณาการแผนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือว่ามีส่วนที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับความสำคัญโครงการต่างๆ หรือแผนของอปท.ในพื้นที่ หรือจะทำอย่างไรให้สภาองค์กรชุมชน หนุนเสริมองค์กรชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง ยั่งยืนขึ้น พึ่งตนเองได้ เราก็มีหน้าที่สนับสนุนการจดแจ้ง การจัด ตั้งสภา รวมทั้งการจัดเวทีประชุม ระดับจังหวัด ระดับชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่ พอช.ทำ

ส่วนยุทธศาสตร์ข้างหน้าของ พอช. นางทิพย์รัตน์ บอกว่า ยุทธศาสตร์ของพอช.ข้างหน้าที่สำคัญคือ การพัฒนาโดยการใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง โดยที่ตำบลจะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ ที่จะทำอย่างไรให้ระดับตำบลสามารถวางแผนตัวเองได้ มีแผนการพัฒนาของตัวเอง ที่เกิดการมีส่วนร่วมทั้งของชาวบ้านและขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดูการจัดการที่ดิน การจัดการทรัพยากร แก้ปัญหาต่างๆ ของคนในชุมชน ในระดับตำบลแล้วยกขึ้นมาระดับจังหวัด เกิดการบูรณาการแผนกับจังหวัด นี่คือทิศทางข้างหน้าที่ พอช.ให้ความสำคัญ

“ปัจจุบันเรื่องที่ดินเป็นปัญหาใหญ่ขององค์กรชุมชนระดับล่าง เรื่องความไม่มั่นคงของที่ดิน อันนี้เป็นประเด็นที่มีความสำคัญที่เราจะให้การสนับสนุน ในการสร้างความเข้มแข็ง ในเรื่องการจัดการที่ดิน ทำอย่างไรให้องค์กรชุมชนในพื้นที่สามารถจัดการเรื่องที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ ทุนของตัวเอง โดยการบูรณาการทุนของตัวเอง และเกิดการพัฒนาที่เข้มแข็งและยั่งยืนได้”

ผอ.พอช. กล่าวด้วยว่า ในโอกาสที่ พอช.จะย่างเข้าสู่ปีที่ 10 เราจะเน้นในการใช้ยุทธศาสตร์พื้นที่เป็นตัวตั้ง และจะเน้นในเรื่องการพัฒนาเชิงคุณภาพมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราได้ทำงานในเชิงปริมาณมามากแล้ว ต่อไปก็ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะยกระดับ ให้เกิดการทำงานที่เป็นเชิงคุณภาพ ทำให้องค์กรชุมชนมีอิสระ สามารถวางแผนตัวเองได้ และต่อไปข้างหน้าเขาก็จะเชื่อมโยงกับหน่วยอื่นๆ ได้ สามารถที่จะเชื่อมโยงโดยตรง โน้มน้าวแผนงานของหน่วยงานอื่น ปรับมาสู่แผนของชุมชน

เรื่องของสวัสดิการชุมชน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ พอช.สนับสนุนชุมชนให้ทำเรื่องสวัสดิกการของตัวเอง โดยมีการออมทรัพย์เพื่อจัดสวัสดิการดูแลคนในชุมชน ในพื้นที่ตัวเอง ซึ่งตอนนี้รัฐบาลก็ได้ให้ความสำคัญ และได้ให้การสนับสนุน อย่างเช่น 3,100 ตำบลที่ทำสวัสดิการชุมชนมาแล้ว รัฐบาลก็จะสมทบให้ รวมทั้งจะมีการขยาย เรื่องของสวัสดิการชุมชนไปอีก 2,000 ตำบล ก็เป็นเรื่องที่จะทำอย่างไรให้ระบบสวัสดิการชุมชน มีการจัดการที่ดี และสามารถดูแลคนตั้งแต่เกิดจนตายได้ในพื้นที่ของตัวเอง

“พอช.เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชน โดยชุมชนเป็นตัวหลักในการทำงาน ในการพัฒนา ถ้าเป็นคำจำกัดความ พอช.คงเป็นเพื่อนกับองค์กรชุมชน” นางทิพย์รัตน์ กล่าว

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

‘กาแลตาแป’ ต้นแบบชุมชนเข้มแข็ง

โดย : ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ จากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันที่ 20/10/2552 หน้าที่ 7 หัวข้อข่าว “คอลัมน์ : เกาะติดวิกฤติไฟใต้ : กาแลตาแป


“เมื่อสักครู่เองที่ชาวบ้านบอกว่ามีเจ้าหน้าที่มาเก็บกู้ระเบิดที่ตลาดเช้า”

“มีการยิงถล่มกันอีกแล้วเมื่อคืนตั้งหลายที่ ไม่รู้ว่ามีคนเสียชีวิตบ้างหรือเปล่า”

“ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง ถ้าเจ้าหน้าที่คนไหนออกมาพูดว่าพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดเลย แสดงว่าเขากำลังโกหก”


เรื่องเล่า ข้อสงสัย หรือประเด็นคำถามเกี่ยวกับความรุนแรงหรือสภาพปัญหาที่ดำรงอยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ข้างต้น อาจกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ยามนี้ จึงไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่า เช้าไม่กี่วันที่ผ่านมาที่ผู้เขียนเดินไปสัมผัสวิถีชีวิตยามเช้าในตลาดกลางเมืองนราธิวาส พบว่าผู้คนยังคงเดินกันพลุกพล่านล้นหลาม ทั้งที่ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเพิ่งเกิดเหตุระทึกขวัญด้วยมีข่าวการวางระเบิดในตลาด หรือไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ยังคงสามารถจับกุมขบวนการขนยาเสพติดได้เป็นระยะๆ แต่ที่เล็ดลอดผ่านเข้าสู่พื้นที่ได้นั้น ประชาชนในพื้นที่บอกว่า “มันจะมากมายมหาศาลเพียงใด”

ทุกวันนี้นอกจากเรื่องของการ ‘ทำใจ’ แล้ว ประชาชนจึงต่างต้องพยายามหันมาพึ่งตนเองอย่างสุดๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และที่น่าสนใจคือการช่วยกันสอดส่องเหตุผิดปกติในชุมชน หรือไม่ก็ร่วมกันสร้างชุมชนให้เข็มแข็งเพื่อเป็นเสมือนป้อมปราการที่จะสกัดสิ่งเลวร้ายเข้าสู่ชุมชน แทนที่จะรอแต่ความช่วยเหลือจากภายนอกซึ่งมักจะมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่ต้องแลกเปลี่ยนเสมอ

ห้วงขณะเกิดสถานการณ์ไฟใต้ในพื้นที่ มีความพยายามผลักดันให้ชุมชนเกิดความเข็มแข็งเพื่อจะลุกขึ้นมาปกป้องคุ้มกันตัวเอง โดยไม่กี่ปีมานี้มีหลากหลายพื้นที่ที่ถูกหยิบยกมาเป็น ‘ชุมชนต้นแบบ’ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมไม้ร่วมมือพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง หนึ่งในชุมชนที่น่าสนใจก็คือ ‘ชุมชนกาแลตาแป’
อ่านต่อ คลิ้กที่นี่ครับ