จดหมายข่าวขบวนชุมชนสงขลา ฉบับสิงหาคม 2554 Download คลิ้กที่นี่ และติดตามฟังรายการปักษ์ใต้บ้านเรา ทางวิทยุ สวท.สงขลา 90.5 เมกกะเฮิร์ต เวลา 18.00-19.00 น. ทุกวันอังคาร -สวัสดิการชุมชน /ทุกวันพุธ-สภาองค์กรชุมชน


วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

สงขลาคึกคัก กินเจตรงกับวันจ่ายเดือนสิบ บูญหลัง

สงขลาคึกคัก กินเจตรงกับวันจ่ายเดือนสิบ คนจีนออกมาจับจ่ายซื้อผักเพื่อกินเจเป็นวันแรก ขณะที่คนไทยเตรียมซื้อขนมทำบุญเดือนสิบที่วัดพรุ่งนี้

วานนี้ (26 ก.ย.) บรรยากาศตามตลาดต่างๆ ใน จ.สงขลา เป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลถือศีลกินเจของชาวจีนเป็นวันแรก และยังตรงกับวันจ่ายเทศกาลสารทเดือนสิบครั้งที่สอง หรือสิบหลัง ของชาวใต้ ทำให้ทั้งชาวไทยจีนและชาวไทยพุทธออกมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก

ที่ตลาดสดหาดใหญ่ใน บรรดาชาวไทยเชื้อสายจีนต่างออกมาจับจ่ายซื้อผักเพื่อนำไปประกอบเป็นอาหารเจในวันแรก ขณะที่แผงขายผักต่างสั่งผักมาจำหน่ายเพิ่มขึ้นสองเท่า เพื่อรองรับร้านค้า ร้านอาหารที่นำไปประกอบเป็นอาหารเจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผักที่ส่งมาจาก จ.ราชบุรี แต่ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดย นายสำรวย รักสมบูรณ์ พ่อค้าขายผัก เปิดเผยว่า ราคาผักที่สูงกว่าปกตินั้น เช่น ผักชี จากกิโลละ 70 เป็น100 บาท พริกชี้ฟ้าแดง จาก 90 เป็น 120 บาท ส่วนผักอื่นๆ เช่น คะน้า ผักกาดขาว กะหล่ำดอกต้นหอม ปรับขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-15 บาท

เช่นเดียวกับขนมที่จะนำไปใช้ในวันสารทเดือนสิบครั้งที่สอง ประเพณีสำคัญของชาวไทยพุทธ ก็ปรับราคาขึ้นเช่นกัน เช่น ขนมต้ม จากเดิมร้อยละ 200 เป็นร้อยละ 300 บาท ส่วนขนมลา ขนมเจาะหู ขนมบ้า และขนมพอง ปรับขึ้นประมาณ 5 บาท แต่ส่วนใหญ่ประชาชนจะซื้อแบบสำเร็จรูปใส่รวมกันถุงละ 40-50 บาท เพื่อนำไปทำบุญเดือนสิบครั้งที่สอง หรือสิบหลัง ซึ่งเป็นการทำบุญใหญ่ในวันพรุ่งนี้ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษที่จะกลับภพภูมิ หรือที่เรียกว่า การส่งเปรต

สงขลาเปิดเส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่

เปิด “เส้นทางปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” แห่งใหม่ของสงขลา บริเวณป่าเทือกเขาแก้ว ปลุกกระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และสร้างจิตสำนึกรักษาป่าต้นน้ำ ซึ่งผ่าน 4 ตำบลของหาดใหญ่ และเชื่อมโยงไปยังน้ำตกชื่อดัง 2 แห่งของจังหวัดด้วย โดยมีชมรมปั่นจักรยานจาก 4 ตำบลเข้าร่วมปั่นเปิดงาน

วานนี้ (26 ก.ย.) นายสมโภช วิเชียร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉลุง เป็นประธานในพิธีเปิด “เส้นทางปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” แห่งใหม่ของ จ.สงขลา บริเวณป่าเทือกเขาแก้ว โดยมีชมรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จาก 4 ตำบล ของ อ.หาดใหญ่ ประกอบด้วย ต.ฉลุง ต.ทุ่งตำเสา ต.กำแพงเพชร และ ต.ควนลัง เข้าร่วม พร้อมกับปั่นจักรยานไปตามเส้นทางท่องเที่ยวที่คาบเกี่ยวกันทั้ง 4 ตำบล

เริ่มจาก ต.ควนลัง ผ่าน ต.ทุ่งตำเสา เข้าสู่ ต.ฉลุง และออกไปยัง ต.กำแพงเพชร ซึ่งเหมาะกับการปั่นรถจักรยานเพื่อสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และยังสามารถเชื่อมโยงไปยังน้ำตกชื่อดัง 2 แห่ง ของ จ.สงขลา คือ น้ำตกโตนงาช้าง และน้ำตกโตนปลิว ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ตลอดสองข้างทางยังได้สัมผัสกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวบ้าน ทั้งยังเป็นการสร้างกระแสให้ประชาชนร่วมกันอนุรักษ์ดูแลผืนป่าเทือกเขาแก้ว ป่าต้นน้ำสำคัญของ อ.หาดใหญ่ ด้วย

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

สภาองค์กรชุมชนตำบลสะพานไม้แก่นจัดเวทีพัฒนาศักยภาพผู้นำ

เมื่อวันที่ 21-22 กันยายน ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมจักพรรดิ์รีสอร์ท อ.สะเดา จ.สงขลา สภาองค์กรชุมชนตำบลสะพานไม้แก่น อ.จะนะ จัดเวทีพัฒนาศักยภาพผู้นำ ซึ่งเป็นการจัดนอกสถานที่ โดยการสนับสนุนงบประมาณจาก สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา

โดยในวันแรก เป็นเนื้อหาการสร้างความเข้าใจกรอบคิดและกระบวนการ “ตำบลจัดการตนเอง” โดยมีคุณสามารถ สุขบรรจง เจ้าหน้าที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เป็นวิทยากรกระบวนการ ส่วนวันที่สองเป็นการสร้างความเข้าใจกระบวนการจัดทำฐานข้อมูลเพื่อการวางแผนการพัฒนาชุมชน และในช่วงท้ายของเวที เป็นการเสวนาเรื่องการสร้างประชาธิปไตยชุมชน


วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

เทศบาลสงขลาเร่งเสริมกระสอบทรายกันดินเขาน้อยสไลด์

เจ้าหน้าที่เทศบาลนครสงขลาเร่งนำกระสอบ 500 ใบบรรจุทราย ขึ้นไปทำแนวเขื่อนริมถนนขึ้นเขาน้อย ป้องกันดินสไลด์ถล่มทับบ้านเรือนประชาชน

เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา นายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้สั่งการให้คนงานฝ่ายโยธาเทศบาลนครสงขลา เร่งบรรจุทรายใส่กระสอบ 500 ใบ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หลังจากที่ในช่วงนี้ฝนทิ้งช่วง เพื่อนำขึ้นไปปิดช่องที่ถนนทรุดตัวบนเขาน้อย และได้ทำการตอกไม้เสาเข็ม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย โดยนำกระสอบทรายอัดบริเวณที่ตอกไม้เสาเข็มขึ้นมาถึงพื้นถนนอย่างแน่นหนา

หลังจากนั้นก็จะใช้กระสอบทรายเรียงเป็นแนวเขื่อน 2 ชั้น ริมขอบถนนทางขึ้นเขาน้อยด้านที่มีบ้านเรือนประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนที่จะตกลงมา ไหลจากเขาน้อยลงไปทางบ้านเรือนประชาชนด้านล่าง ซึ่งเสี่ยงที่จะเกิดเหตุดินสไลด์จากภาวะฝนตก และดินชุ่มน้ำ แต่จะให้น้ำฝนไหลย้อนกลับมาลงที่คูระบายน้ำ ทั้งนี้ เทศบาลนครสงขลาได้ทำการลอกคูไม่มีขยะกิ่งไม้หรือก้อนหินกีดขวางทางระบายน้ำออกหมดแล้ว โดยเฉพาะบริเวณจุดเสี่ยงเชิงเขา ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านเรือนของประชาชนหลายสิบหลังคาเรือน เพื่อป้องกันเหตุดินและต้นไม้จากเขาน้อยสไลด์ลงไปทับบ้านของชาวบ้านที่อยู่ด้านล่าง

ขณะนี้แม้ในพื้นที่ จ.สงขลา ฝนจะทิ้งช่วงแต่สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ หลังจากที่ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุดินจากเขาน้อยสไลด์ลงมาทับบ้านชาวบ้านที่อยู่ตีนเขามาแล้วถึง 2 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต3 ราย โดยเฉพาะล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา เป็นเหตุให้นายกฤษดา สู่เมือง ครูโรงเรียนวชิรานุกูล จ.สงขลา เสียชีวิตขณะนอนหลับอยู่ภาย

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

ชาวสิงหนครประท้วง ปตท.สผ.จี้จ่ายชดเชยคราบน้ำมันรั่วทำปลากระชังตาย

ชาวบ้านในพื้นที่ ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา กว่า 400 คนชุมนุมประท้วงบริษัท ปตท.สผ.เรียกร้องค่าชดเชยกรณีได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันที่รั่วไหลจากเรือขนถ่ายน้ำมัน ทำให้ปลาในกระชังตายและกระทบกับอาชีพประมงหลังยืดเยื้อมา 6 เดือน แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2554 ชาวบ้านในพื้นที่บ้านเล และบ้านหาดทรายแก้ว ใน ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา กว่า 400 คน นำโดย นายรอเฉม บิลหีม ประธานชุมชนบ้านเล ได้รวมตัวชุมนุมประท้วงที่บริเวณด้านหน้าของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เพื่อเรียกร้องเงินค่าชดเชยกรณีได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันที่รั่วไหลลงทะเล จากเรือขนถ่ายน้ำมันที่นำน้ำมันไปส่งยังคลังน้ำมันของบริษัท ปตท.สผ. ที่ อ.สิงหนคร ส่งผลให้ปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในกระชังตาย และส่งผลกระทบต่ออาชีพประมง ซึ่งมีชาวบ้านที่อ้างว่าได้รับความเดือดร้อนลงชื่อขอรับเงินชดเชยกว่า 1,000 ราย รายละ15,000 บาท ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมาแล้วกว่า 6 เดือน แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการช่วยเหลือ จึงนัดรวมตัวประท้วงเพื่อขอคำตอบที่ชัดเจน

ในเบื้องต้น ทางบริษัท ปตท.สผ. และชาวบ้าน ได้ส่งตัวแทนไปเจรจากันที่ที่ว่าการอำเภอสิงหนคร โดยมีฝ่ายปกครองและตำรวจเป็นคนกลางในการเจรจา ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่าต้องได้รับคำตอบเรื่องเงินชดเชยภายในวันนี้ หากไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้อง ก็จะรวมตัวนำเรือประมงปิดท่าเทียบเรือของบริษัท ปตท.สผ. ใน อ.สิงหนคร ทันที

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุด มีรายงานว่าการเจรจาของทั้งสองฝ่ายได้ข้อยุติแล้ว โดยทาง บริษัท ปตท. สผ. นัดเจรจาให้คำตอบแก่ชาวบ้าน ภายใน 7 วัน สร้างความพอใจให้แก่ชาวบ้านในระดับหนึ่ง ก่อนจะสลายการชุมนุมในที่สุดในที่สุด

นักท่องเที่ยวต่างชาติจ่อร่วมงานกินเจหาดใหญ่คึกคัก

ทุกภาคส่วนเตรียมจัดงานเทศกาลถือศีล กินเจ ใน อ.หาดใหญ่ อย่างยิ่งใหญ่ นำ 108 รสชาติอาหารเพื่อให้อิ่มบุญกันอย่างพอเพียง และร่วมเลี้ยงอาหารสร้างกุศลด้วย ด้านนายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา คาดปีนี้บรรยากาศคึกคักกว่าทุกปี และตรงกับวันประกาศอิสรภาพของประเทศมาเลเซีย ทำให้นักท่องเที่ยวทะลักเข้าในวันหยุด 30 ก.ย. – 2 ต.ค. โดยมียอดจองห้องพักเต็มหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีเม็ดเงินใช้จ่ายหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท

เทศกาลถือศีล กินเจ เป็นประเพณีของชาวจีน ที่สืบทอดประเพณีปฏิบัติมายาวนาน ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ-9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ซึ่งจะตรงกับเดือนกันยายน-ตุลาคม ของไทย โดยเชื่อว่าประเพณีการถือศีลกินเจเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ที่อำเภอกระทู้ จ.ภูเก็ต หลังจากนั้นก็มีการสืบทอดประเพณีการถือศีล กินเจอย่างแพร่หลาย สำหรับในภาคใต้ ประเพณีการถือศีล กิน เจ ที่มีการจัดอย่างยิ่งใหญ่ คือที่ จ.ภูเก็ต จ.ตรัง และที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อ่านต่อ คลิ้กที่นี่



วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล

ที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล เสนอ ๕ แนวทางสำคัญ มุ่งเป็นสภาแห่งความดี

เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา คณะกรรมการดำเนินการสภาองค์กรชุมชน ได้จัด “การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔” ณ ห้องเอนกประสงค์ (๒๐๙) ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ รังสิต อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน และพิจารณา ๕ แนวทางสำคัญการขับเคลื่อนในปี ๒๕๕๕ โดยมีตัวแทนสภาองค์กรชุมชนจากทั่วประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิ และหน่วยงานภาคี เข้าร่วมการประชุมประมาณ ๓๐๐ คน

นายจินดา บุญจันทร์ เลขานุการที่ประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล กล่าวว่า ที่ประชุมระดับชาติฯ นอกจากมีมติในแนวทางการขับเคลื่อนด้านต่างๆ แล้ว ยังมีมติเห็นชอบให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการทบทวนแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ.๒๕๕๑ และพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.๒๕๕๑ หลังพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับมีผลบังคับใช้ครบ ๓ ปี โดยให้คณะกรรมการดำเนินการสภาองค์กรชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) สภาพัฒนาการเมือง และขบวนองค์กรชุมชน ได้มีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นเกี่ยวกับการทบทวน แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับด้วย ทั้งนี้การขับเคลื่อนงานสภาองค์กรชุมชนตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา พบว่ายังมีปัญหาข้อติดขัดเกี่ยวกับประเด็นทางกฏหมายในบางประการ ที่อาจส่งผลต่อการขับเคลื่อนและการพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง สามารถจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน และเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง อ่านต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

สมัชชาเครือข่ายองค์กรชุมชน “สานพลังชุมชนท้องถิ่นสู่การจัดการตนเอง” ปี ๒๕๕๔

สรุปสาระสำคัญ..งานสมัชชาเครือข่ายองค์กรชุมชนระดับชาติ “สานพลังชุมชนท้องถิ่นและภาคีสู่การจัดการตนเอง”และการจัดประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔วันที่ ๑๓-๑๔กันยายน ๒๕๕๔ ณ ห้องเอนกประสงค์(๒๐๙) ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ รังสิต อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

(คลิ้กอ่านรายละเอียดได้ที่่หัวข้อลิ้งค์ด้านล่าง)

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

ป.ป.ท.เชื่อ จนท.ป่าไม้ละเลยหน้าที่ให้นายทุนรุกป่า"โตนงาช้าง"

จากกรณีที่เป็นข่าว การบุกรุกป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้และอุทยาน ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้การบุกรุกเข้าทำลายป่า

การลงพื้นที่ตรวจสอบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบพื้นที่ป่าถูกแผ้วถางและลักลอบตัดไม้เป็นบริเวณกว้าง ขณะนี้ ป.ป.ท.ได้ข้อมูลการจับกุมผู้กระทำความผิดย้อนหลังจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 สงขลา และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 สงขลา หลังพบข้อพิรุธหลายอย่าง เช่น ปล่อยให้มีการตัดโค่นต้นไม้ใหญ่ใกล้กับหน่วยที่รับผิดชอบ และการเข้าครอบครองที่ดิน โดยมีการปักหมุด และรังวัดในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่พรุ ป่าเทือกเขาไฟไหม้ และป่าคลองกั่ว การตรวจสอบบุกรุกพื้นที่อุทยาน และเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่มีการขยายผลไปหลายพื้นที่ ทำให้ล่าสุดชาวบ้านกลุ่มประชาคมรักป่าต้นน้ำผาดำ ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบสภาพป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขาวังพาพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ซึ่งอยู่ใน อ.สะเดา และอ.หาดใหญ่ ซึ่งถูกบุกรุกเสียหายรุนแรงเช่นเดียวกัน

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

ชาวหาดใหญ่ตั้งวงหารือแนวทางรับมือน้ำท่วม

เครือข่ายองค์กรชุมชนหาดใหญ่ ร่วมกับ กองทุนสภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า สถาบันวิจัยและพัฒนาสุขภาพภาคใต้ (วพส.) โครงการบัณฑิตอาสา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และโครงการรวมกลุ่มผู้นำพัฒนาชุมชน จัดเวที “ชุมชนหาดใหญ่กับการรับมือน้ำท่วม เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ณ ห้องกังสดาล ชั้น 3 โรงแรมเอเชี่ยนหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทั้งนี้เพื่อสร้างความตระหนัก และเตรียมความพร้อมชุมชนในการรับมือกรณีเกิดภัยพิบัติน้ำท่วม สรุปการประชุม คลิ้กที่นี่ครับ

คนรุ่นใหม่หัวใจรักษ์ถิ่นภาคใต้ สรุปบทเรียนการทำงาน

ที่ สสว.12 จ.สงขลา คนรุ่นใหม่หัวใจรักษ์ถิ่น รุ่นที่ 4 (ภาคใต้) ภายใต้การสนับสนุนของ พอช. จัดเวทีสรุปบทเรียนการทำงาน ระหว่างวันที่ 7-8 กันยายนที่ผ่านมา

นับเป็นรุ่นที่ 4 ของ พอช.ในการจัดทำโครงการคนรุ่นใหม่หัวใจรักษ์ถิ่น เพื่อสนับสนุน คนรุ่นใหม่ให้กลับมาทำงานรับใช้ชุมชนบ้านเกิด โดยสนับสนุนการพัฒนาทักษะในการทำงานชุมชน และการสนับสนุนงบประมาณ สำหรับรุ่นนี้มีทั้งหมด 20 คน ซึ่งดำเนินงานย่างเข้าสู่เดือนที่ 8

ประเด็นสำคัญที่ ผู้เข้าร่วมโครงการสะท้อน อาทิ ความคาดหวังที่ต่างกันระหว่างคนรุ่นใหม่และองค์กรชุมชนพี่เลี้ยง การรับผิดชอบงานในพื้นที่ที่มากเกินไป รวมทั้งยังขาดทิศทางที่จะช่วยนำพาชุมชน

โดยเวทีครั้งนี้เน้นการปรับความคาดหวังร่วม การสรุปบทเรียน การเติมพลังใจ และทำแผนการดำเนินงานในระยะต่อไป

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

พอช.ภาคใต้ จัดประชุมเพื่อวางกรอบการติดตาม หนุนเสริมชุมชน

พอช.ภาคใต้ จัดประชุมเพื่อวางกรอบการติดตาม หนุนเสริมชุมชน

เมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) สำนักงานปฏิบัติการภาคใต้ จัดการประชุมคณะอนุกรรมการเสริมสร้างขีดความสามารถชุมชน เพื่อวางกรอบและจัดทำแผนการติดตาม หนุนเสริม และการประเมินผล โครงการตำบลจัดการตนเอง 505 ตำบลของภาคใต้

ทั้งนี้ พอช.ได้สนับสนุนสภาองค์กรชุมชน และเครือข่ายองค์กรชุมชน ในการดำเนินโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถชุมชน ในการจัดการตนเองของพื้นที่ตำบล จำนวน 505 ตำบล ซึ่งอยู่หว่างการดำเนินการในระยะที่ 1 และเพื่อให้การดำเนินงานของพื้นที่มีประสิทธิภาพ ตรงตามเป้าประสงค์ จึงได้จัดประชุมเพื่อหารือแนวทางการหนุนเสริมพื้นที่ โดยที่ประชุมมีข้อสรุปให้เน้นการประเมินและหนุนช่วยกันของขบวนองค์กรชุมชนในแต่ละจังหวัด โดยมีทีมๆละ 3-5 คน ลงพื้นที่ 10-15 ตำบล โดยมีกรอบการประเมินกลาง เพื่อให้เห็นสภาพการดำเนินงาน จุดเด่น รวมทั้งข้อจำกัดของพื้นที่ ก่อนที่จะประมวลเพื่อจัดทีมหนุนเสริมพื้นที่ในระยะต่อไป


ชี้ท่าเรือน้ำลึกไม่คุ้ม-เปลืองค่าขุดลอก-ซ้ำเติมสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2554 ที่ห้องประชุมแกรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมราชมังคลาพาวิล เลี่ยนบีช รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ร่วมกับไทยเอนยิเนียริ่งคอนซัลแตนท์ส์จำกัด และบริษัทซีคอนซัลท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จัดประชุมสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบเพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการขนส่งทางน้ำในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มีผู้เข้าร่วมประมาณ 80 คน

นายประพัตร์ กรังพานิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชน บริษัท ไทยเอนยิเนียริ่งคอนซัลแตนท์ส์ จำกัด กล่าวว่า โครงการนี้เทศบาลนครสงขลาเป็นผู้เสนอให้กรมเจ้าท่า ศึกษาความเหมาะสมเพื่อสำรวจออกแบบการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ เพื่อสนับสนุนกิจการการขนส่งทางน้ำ กิจการประมง และการท่องเที่ยว ทั้งด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม

นายเชิดวงค์ แสงศุภวานิช ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุทรศาสตร์และท่าเรือบริษัท ซีคอนซัลท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด นำเสนอว่า จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลในพื้นที่พบว่า มีพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาท่าเทียบเรือ 3 แห่ง คือ บริเวณท่าเรือสะพานไม้ บริเวณท่าเรือเก่าถนนนครนอก และบริเวณชุมชนแหล่งพระราม ในเขตเทศบาลนครสงขลา อ่านต่อ คลิ้กที่นี่

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

ม็อบชาวบ้านนาทับสลายตัว หลังรัฐและโรงไฟฟ้ารับข้อเสนอ

หลังจากที่เคลื่อนพลปิดถนนยื่นข้อเสนอต่อโรงไฟฟ้า มาตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้(วันที่ 7 กันยายน 2554) ชาวบ้านตำบลนาทับ และตำบลใกล้เคียง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ประมาณ 500 คน ชุมนุมประท้วงเรียกร้องค่าชดเชยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนจากการดำเนินการของโรงไฟฟ้าจะนะ โดยกางเต็นท์ปิดทางหลวง 43 (หาดใหญ่ – ปัตตานี) บริเวณทางเข้าโรงไฟฟ้าจะนะ ฝั่งทางไปปัตตานี ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ทำให้รถที่สัญจรไปมาติดขัด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อ.ส.) ประมาณ 100 นาย คอยรักษาความปลอดภัย

เวลาประมาณ 14.30 น. ที่ห้องประชุมอาคารโรงอาหารของโรงไฟฟ้าจะนะ นายพิศาล ทองเลิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเจรจากับชาวบ้านประมาณ 30 คน นำโดยนายโชติบริพัฒน์ ไชยแก้ว นายพีรดิศ เหร็มแอ และนายอมร เบ็ญหมาด โดยมี นายวิวัฒน์ ศิริเกียรติกุล ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าจะนะ นายวิทศักดิ์ จำเริญนุสิต ปลัดอาวุโส อำเภอจะนะ ร่วมเจรจา

การเจรจาใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด กระทั่งเวลา 17.30 น.จึงตกลงกันได้ โดยตัวแทนโรงไฟฟ้าจะนะ ตัวแทนส่วนราชการ และตัวแทนชาวบ้าน ได้บันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบคลองนาทับ ประกอบด้วย อ่านต่อ คลิ้กที่นี่

“ป๋าเปรม” ย้ำคนสงขลารักษาภาษาถิ่นเสริมเสน่ห์ และพัฒนาเศรษฐกิจ

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานเปิดโครงการเรารักสงขลาเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ7 รอบ 84 สงขลา ย้ำให้คนสงขลารักและใช้ภาษาถิ่นสร้างเสน่ห์นอกเหนือจากการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 7 กัยยายน 2554 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติ ครบ60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเรารักสงขลาเฉลิมพระเกียรติ ซึ่ง จ.สงขลา ร่วมกับมูลนิธิเรารักสงขลาเฉลิมพระเกียรติและ14 ภาคีการบริหารจัดการร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ7 รอบ 84 สงขลา

พล.อ.เปรม ได้เป็นเกียรติได้พิธีลงนามข้อตกลง 14 ภาคีองค์กรการบริหารจัดการเพื่อนำไปสู่การพัฒนาจ.สงขลา และมอบโล่เกียรติคุณเชิดชูเกียรติให้กับผู้ชนะเลิศการประกวดภาพถ่ายเรารักสงขลาได้แก่ น.ส.จงดี ขุนราช การแข่งขันตอบปัญหาเรารักสงขลา ได้แก่ นายอิทธิกร ทองแกมแก้ว โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2 และการประกวดเรียงความเรารักสงขลา ได้แก่ นายไพศาล รัตนะ

รวมทั้งมอบโล่เชิดชูเกียรติคนดีศรีสงขลา 6 ประเภท คือ เยาวชนดีเด่น ได้แก่ น.ส.สุภาพร เพชรรัตน์ เกษตรกรดีเด่นได้แก่ นายศิลป์ชัย กลับกลาย นักธุรกิจดีเด่นได้แก่ นายลิขิต กฤษเจิรญ ข้าราชการดีเด่นได้แก่ นายสุรเชษฐ์ ศรีกระจ่าง รองอธิบดีอัยการภาค9 และองค์กรดีเด่น ได้แก่ ประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ และครอบครัวดีเด่น ได้แก่ นายชิต ขวัญคำ อ่านต่อ คลิ้กที่นี่

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

สพม.จัดเวทีพัฒนากลไลภาคประชาสังคมเพื่อการเมืองภาคพลเมือง

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2554 ที่มหาวัทยาลัยราชภัฎสงขลา สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า จัดเวทีพัฒนากลไลภาคประชาสังคมเพื่อการเมืองภาคพลเมืองระดับจังหวัด โดยมีเครือข่ายชุมชน ภาควิชาการ ตัวแทนท้องถิ่น ฯลฯ เข้าร่วม

ในช่วงเช้ามีการเสวนา ซึ่งมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย อ.บรรจง ทองสร้าง รองอธิบดี ม.ราชภัฎ , นายสินธพ อินทรัตน์ นายก อบต.ท่าข้าม , อ.เฉลิมศักดิ์ บุญนำ ม.หาดใหญ่ , อ.อรัญ จิตตเสโน ,นายประพาส บัวแก้ว สพม.สงขลา และ อ.จรูญ หยูทอง นักวิชาการ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่อยู่ที่การวิเคราะห์สถานการณ์สังคม การเมือง และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน รวมทั้งการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น

สำหรับช่วงบ่าย เป็นการระดมความคิดเห็นของเครือข่ายต่างๆว่าด้วยการขับเคลื่อนการเมืองภาคพลเมือง อาทิ เครือข่ายลุ่มน้ำคลองรัตภูมี สภาองค์กรชุมชน เครือข่ายแก้ไขปัญหาที่ดิน เป็นต้น และในช่วงท้ายมีการหารือกลไกการประสานงาน.

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

"4 ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมเหล็กต่างชาติ " พร้อมจัดหนักภาคใต้ !

โรงเหล็กต้นน้ำในยุคอุตสาหกรรมหนักมุ่งลงใต้

4 ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมเหล็กต่างชาติ สนใจลงทุนในภาคใต้ บริษัทยักษ์ญี่ปุ่นเตรียมเข้าปัตตานี ผุดโรงถลุงเหล็กต้นน้ำ ตรวจ 4 พื้นที่ศึกษาเหมาะสมตั้งนิคมอุตสาหกรรมหนัก

อุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ เป็นหนึ่งอุตสาหกรรมหนักที่มีเป้าหมายที่จะลงปักหลักในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ที่ผ่านมามีกลุ่มทุนด้านอุตสาหกรรมเหล็กจากต่างประเทศ 4 กลุ่ม ที่แสดงความสนใจจะมาลงทุน

นั่นคือ บริษัท นิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่นฯ และบริษัท เจเอฟอี สตีล คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น
บริษัท บาวสตีล จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และบริษัทอาร์เซลอร์ มิตตาล สัญชาติอินเดีย

การพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ จะต้องก่อสร้างโรงถลุงเหล็ก ใช้พื้นที่ประมาณ 5,000–10,000 ไร่ และต้องมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ได้แก่ ท่าเรือน้ำลึกไม่ต่ำกว่า 200 เมตร รองรับเรือขนาด 20,000–200,000 DWT ที่จะนำเข้าและขนถ่ายสินแร่เหล็ก และวัตถุดิบอื่นๆ ที่ใช้ในการถลุงเหล็ก เช่น ถ่านหิน เพื่อนำมาผลิตถ่านโค้กใช้ในกระบวนการถลุงเหล็ก

โรงถลุงเหล็กต้นน้ำ ต้องการน้ำใช้ในอุตสาหกรรมมากถึง 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือประมาณ 30–50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ทั้งยังต้องการระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ระบบสาธารณูปโภค และระบบกำจัดของเสียอีกสารพัด อ่านต่อ คลิ้กที่นี่

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

คนเขาคูหาฟ้องเหมืองหิน ให้ขึ้นป้ายขอโทษทั่วเมือง

เมื่อคนตัวเล็กเรียกร้อง

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2554 ที่ศาลจังหวัดสงขลา ศาลได้นัดคู่พิพาทในคดีหมายเลขดำที่ 664/2554 ระหว่างบริษัท พีรพลมายนิ่ง จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอกชัย อิสระทะ และพวกรวม 9 คน ประกอบด้วย ว่าที่ร้อยตรีหญิงนฤมล จันทสุวรรณ นายครื้น บุญรัตน์ นายสุทธิวงศ์ รักเงิน นายบรรจง ทองเอื่อย นายประเวศ จันทะสระ นายสุวรรณ อ่อนรักษ์ นายนิพนธ์ ปราบฤทธิ์ และนางสาวอรปรียา บุญรัตน์ ฐานละเมิดและทำให้เสียทรัพย์ จากการคัดค้านการต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองหินเขาคูหา ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จนไม่สามารถประกอบกิจการได้ เรียกค่าเสียหาย 64,740,485 บาท

ศาลพยายามเจรจาไกล่เกลี่ยนานประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ทนายของบริษัทพีรพลมายนิ่ง จำกัด จึงขอเวลา 20 วัน เพื่อเตรียมคำให้การ ศาลจึงมีกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก เป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2554

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ที่ศาลจังหวัดสงขลา นายเอกชัย อิสระทะ และชาวบ้านในเครือข่ายสิทธิชุมชนเขาคูหาประมาณ 15 คน ได้เข้าให้ปากคำต่อศาลในคดีนี้ พร้อมกับยื่นฟ้องแย้งว่า จากการทำหนังสือชะลอการต่ออายุประทานบัตร เป็นสิทธิหน้าที่ของพลเมืองในการดูแลทรัพยากรของชาติ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ทำให้ชาวบ้านในเครือข่ายสิทธิชุมชนเขาคูหาเสียเวลา จึงขอให้ศาลสั่งให้บริษัท พีรพลมายนิ่ง จำกัด ชดใช้ค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายในชั้นศาลให้กับชาวบ้านทั้ง 9 คน คนละ 9,999 บาท รวมเป็นเงิน 89,991 บาท อ่านต่อ คลิ้กที่นี่

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

ขบวนชุมชนสงขลา จับมือ พอช.สัมมนาพัฒนาระบบการสื่อสาร

ขบวนองค์กรชุมชนสงขลา จับมือ พอช.จัดเวทีสัมมนาพัฒนาระบบการสื่อสารเพื่องานพัฒน

เมื่อวัน 2 กันยายน 2554 ที่ห้องประชุม สสว.12 อ.เมือง จ.สงขลา ผู้แทนเครือข่ายองค์กรชุมชนจังหวัดสงขลา ซึ่งประกอบด้วย เครือข่ายชุมชนเมือง เครือข่ายสวัสดิการชุมชน เครือข่ายแก้ไขปัญหาอยู่อาศัยชนบท เครือข่ายแก้ไขปัญหาที่ดิน เครือองค์กรการเงินชุมชน เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน ที่ปรึกษาขบวนองค์กรชุมชน และเจ้าหน้าที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เข้าร่วมการสัมมนา

สำหรับการสัมมนาในช่วงเช้า หลังจากการระดมเป้าหมายของเวทีแล้ว มีการประมวลภาพรวมการดำเนินงานของทุกเครือข่ายองค์กร การถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการสื่อสาร โดยคุณกิติภพ พานิชภักดิ์ อดีตผู้ควบคุมการผลิตสื่อในเครือเนชั่น เป็นวิทยากร

ช่วงบ่ายเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยระดมความคิดเห็น เรื่อง เป้าหมาย เนื้อหา และวิธีการในการสื่อสารทั้ง 3 ระดับ คือ การสื่อสารภายในองค์กรชุมชน การสื่อสารระหว่างขบวนองค์กรชุมชน และการสื่อสารสู่สาธารณะ

สำหรับต้นทุนช่องทางการสื่อสารของขบวนชุมชนที่มีในปัจจุบัน อาทิ สถานีวิทยุ (หลัก) สวท.สงขลา 90.5 MHz รายการปักษ์ใต้บ้านเรา 18.00-19.00 น. (อังคาร - สวัสดิการชุมชน)(พุธ-สภาองค์กรชุมชน) สถานีวิทยุชุมชน FM.101.0 MHz / FM.95.5 MHz (รัตภูมิ)/ FM.101.5 MHz (ท่าข้าม และ ปริก) / FM.98.25 MHz (บางเหรียง) สถานีโทรทัศน์ สทท.11 สงขลา รายการพิราบคาบข่าว 08.00 09.00 น. จดหมายข่าวขบวนชุมชนสงขลา เวปไซต์ / เวปบล็อก http://sapasongkhla.blogspot.com เมล์กรุ๊ป psongkhla@hotmail.com ชุมชนออนไลน์ Facebook เป็นต้น

สำหรับแผนงานที่ต้องทำหลังจากนี้ คือการหารือภายในเครือข่ายของแต่ละขบวน การพัฒนาทีมจังหวัด (สร้างเครือข่ายการสื่อสาร) สร้างเนื้อหาการสื่อสารที่สามารถสร้างความเข้าใจกับภาคี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่วัดผลได้ โดยต้องคิดให้ไกลกว่าเฉพาะเรื่องสื่อ นอกจากนี้ต้องพัฒนาการบริหารเนื้อหา / ประเด็น / ข้อมูล เพื่อการสื่อสาร รวมทั้งสร้างการสื่อสารสถานการณ์พื้นที่จัดการตนเอง

ประชุมคณะประสานสภาองค์กรชุมชนสงขลาประจำเดือนกันยายน 54

คณะประสานสภาองค์กรชุมชนสงขลาประชุมประจำเดือนสัญจร เมื่อวัน 1 กันยายน 2554 ที่มหาลัยชีวิต ตำบลเกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา โดยมีนายบรรเจต นะแส ตัวแทนขบวนชุมชนโซนเมือง เป็นประธานการประชุม สำหรับเนื้อหาการประชุมมีการติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงาน การปรึกษาหารือแนวทางการสนับสนุนงานการดำเนินโครงการตำบลจัดการตนเอง การติดตามประเมินผล รวมทั้งการหยิบยกประเด็นภัยพิบัติให้เป็นวาระร่วมกันของเครือข่ายชุมชน

สำหรับรายละเอียดสรุปผลการประชุม รอกองเลขาสรุปสักระยะ แล้วจะมีให้ดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ