ขณะที่ จังหวัดยะลา ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ เนื่องจาก มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้ ภาคใต้ มีฝนตกหนัก ถึงหนักมากในหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัย ตามที่ลาดเชิงเขา หรือ ที่ลุ่มใกล้ทางน้ำไหลของ จังหวัดปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลภาคใต้ ฝั่งตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่าง ควรงดออกจากฝั่ง ในช่วงวันที่ 22 - 23 พฤศจิกายน นี้ ทางด้าน นายเวโรจน์ สายทองแท้ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา ได้สั่งการให้มีการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะ เรือท้องแบน และประสานหน่วยกำลังในพื้นที่ทั้งทหาร ตำรวจ และ อาสาสมัคร เตรียมความพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือราษฎร และสัตว์เลี้ยง ขึ้นไว้ในที่สูงทันที หากเกิดน้ำใน แม่น้ำสายบุรี และ แม่น้ำปัตตานี ล้นตลิ่งในวันนี้
ด้านจังหวัดนราธิวาส นายประดิษฐ์ ปิ่นกระจาย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส เปิดเผยถึงแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านในพื้นที่ว่า ล่าสุดยังน่าเป็นห่วงเพราะปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแม่น้ำสุไหงโก-ลก ล้นตลิ่งท่วมเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และพื้นที่ลุ่ม ต.ปาเสมัส
ขณะที่แม่น้ำบางนราขึ้นสูงเช่นกัน เพราะมีน้ำจาก อ.ระแงะ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำไหลมาสมทบ ทำให้พื้นที่บางส่วนของ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ อ.เจาะไอร้อง และ อ.เมือง มีน้ำท่วมขัง ส่วน อ.ศรีสาคร แม่น้ำสายบุรี แม้ระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่ง แต่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้ามีฝนตกอีกอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน
อย่างไรก็ดีขณะนี้ นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นำเจ้าหน้าที่ศูนย์เฉพาะกิจป้องกัน อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม เร่งสำรวจความเสียหายในพื้นที่ ต.บาตง อ.รือเสาะ และแจกเครื่องอุปโภคบริโภคบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นกว่า 100 ครัวเรือน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีน้ำท่วมถนนสายหลัก ไม่สามารถสัญจรได้