ไม่รู้ว่าโลกนี้หมุนเร็วขึ้นหรือเมืองไทยมีแต่เรื่องวุ่นๆ กันแน่ จึงทำให้ระยะเวลา 1 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก แทบไม่อยากเชื่อว่าโศกนาฏกรรมที่สะเทือนใจพี่น้องชาวไทยมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มากที่สุดอย่างเหตุการณ์กราดยิงในมัสยิดอัลฟุรกอน หมู่บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้เวียนมาบรรจบครบ 1 ปีแล้ว
เหตุการณ์ร้ายในครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 8 มิ.ย.2552 เมื่อมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงชาวบ้านไอร์ปาแยขณะกำลังละหมาดอยู่ในมัสยิด จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 12 คน
หลายคนบอกว่านี่คือเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดของสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ปะทุรุนแรงต่อเนื่องมากว่า 6 ปี และส่งผลสะเทือนไม่เฉพาะในพื้นที่เท่านั้น แต่ส่งผลกระทบทางจิตใจไปถึงพี่น้องมุสลิมทั่วโลก
ในแง่ของคดี...1 ปีที่ผ่านมาตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาไป 2 ราย และเข้ามอบตัว 1 ราย คือ นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ แต่ก็ไปมอบตัวถึงกรุงเทพฯ และยังให้การปฏิเสธ ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ อยู่ในภาวะ “เงียบกริบ”
หลายคนอาจจะอยากทราบว่าวันนี้ที่ไอร์ปาแยเป็นอย่างไร หลังจากผ่านเรื่องราวร้ายๆ มา 1 ปีเต็ม...
หากใครมีโอกาสเดินทางเข้าไปที่หมู่บ้านไอร์ปาแยช่วงหลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงในมัสยิดใหม่ๆ คงได้เห็นภาพรถรานานาชนิดจอดอยู่สองข้างทางจากหน้ามัสยิดยาวเป็นกิโลฯ เพราะผู้คนจากทุกสารทิศพากันไปดูเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้
ทว่าบนถนนสายเดียวกัน ณ วันนี้ บรรยากาศมีแต่ความเงียบสงบ รถราแล่นผ่านไปมานานๆ คัน ไม่ต่างจากหมู่บ้านอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน
ส่วนที่หน้ามัสยิดอัลฟุรกอน หากใครที่ไม่เคยได้แวะเวียนไปเยี่ยมเยือน คงแทบไม่รู้เลยว่าเคยเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นในมัสยิดแห่งนี้ เนื่องจากปัจจุบันมัสยิดได้รับการบูรณะซ่อมแซมจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งทาสีใหม่ และมีรั้วรอบขอบชิด จากงบประมาณที่หน่วยงานภาครัฐทุ่มเทลงมาเพื่อพัฒนาหมู่บ้าน
แต่ที่ดูแปลกตาไปจากมัสยิดอื่นๆ ก็ตรงที่มี.... อ่านต่อ คลิ้กที่นี่
เหตุการณ์ร้ายในครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 8 มิ.ย.2552 เมื่อมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงชาวบ้านไอร์ปาแยขณะกำลังละหมาดอยู่ในมัสยิด จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 12 คน
หลายคนบอกว่านี่คือเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดของสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ปะทุรุนแรงต่อเนื่องมากว่า 6 ปี และส่งผลสะเทือนไม่เฉพาะในพื้นที่เท่านั้น แต่ส่งผลกระทบทางจิตใจไปถึงพี่น้องมุสลิมทั่วโลก
ในแง่ของคดี...1 ปีที่ผ่านมาตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาไป 2 ราย และเข้ามอบตัว 1 ราย คือ นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ แต่ก็ไปมอบตัวถึงกรุงเทพฯ และยังให้การปฏิเสธ ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ อยู่ในภาวะ “เงียบกริบ”
หลายคนอาจจะอยากทราบว่าวันนี้ที่ไอร์ปาแยเป็นอย่างไร หลังจากผ่านเรื่องราวร้ายๆ มา 1 ปีเต็ม...
หากใครมีโอกาสเดินทางเข้าไปที่หมู่บ้านไอร์ปาแยช่วงหลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงในมัสยิดใหม่ๆ คงได้เห็นภาพรถรานานาชนิดจอดอยู่สองข้างทางจากหน้ามัสยิดยาวเป็นกิโลฯ เพราะผู้คนจากทุกสารทิศพากันไปดูเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้
ทว่าบนถนนสายเดียวกัน ณ วันนี้ บรรยากาศมีแต่ความเงียบสงบ รถราแล่นผ่านไปมานานๆ คัน ไม่ต่างจากหมู่บ้านอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน
ส่วนที่หน้ามัสยิดอัลฟุรกอน หากใครที่ไม่เคยได้แวะเวียนไปเยี่ยมเยือน คงแทบไม่รู้เลยว่าเคยเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นในมัสยิดแห่งนี้ เนื่องจากปัจจุบันมัสยิดได้รับการบูรณะซ่อมแซมจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งทาสีใหม่ และมีรั้วรอบขอบชิด จากงบประมาณที่หน่วยงานภาครัฐทุ่มเทลงมาเพื่อพัฒนาหมู่บ้าน
แต่ที่ดูแปลกตาไปจากมัสยิดอื่นๆ ก็ตรงที่มี.... อ่านต่อ คลิ้กที่นี่