ในวาระ 1 ปีเหตุการณ์ร้ายที่บ้านไอร์ปาแย สัมพันธ์ของชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลาย
ผู้นำชุมชนบ้านป่าไผ่รายหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ บอกเล่าถึงความสัมพันธ์เมื่อครั้งอดีตของชุมชนทั้งสองแห่งว่า สมัยก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่ ชาวไทยพุทธที่หมู่บ้านป่าไผ่กับชาวไทยมุสลิมที่บ้านไอร์ปาแยล้วนเป็นเพื่อนกัน ไปมาหาสู่กันตามประสาบ้านใกล้เรือนเคียง มีการค้าขายกัน และเมื่อมีงานรื่นเริงของแต่ละหมู่บ้าน โดยเฉพาะงานแต่งงาน ก็จะไปเชิญเพื่อนจากอีกหมู่บ้านมาร่วมงานกันอย่างครึกครื้น
ทว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี 2547 มีเหตุร้ายเกิดขึ้นหลายครั้งในท้องที่บ้านป่าไผ่ มีชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิตหลายราย ทำให้เกิดความกลัวและหวาดระแวง
“ก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะต้องกลัว สุดท้ายก็ไม่กล้าไปมาหาสู่กันเหมือนในอดีต ไม่ใช่ว่ากลัวกันเองนะ แต่เป็นเรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านล้วนถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง”
ผู้นำชุมชนบ้านป่าไผ่ เล่าต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและสับสน ชาวบ้านไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จึงทำให้การไปมาหาสู่กันระหว่างสองชุมชนยุติลง ความสัมพันธ์ที่มีมาแต่เดิมเริ่มห่างหาย
“แม้คนในบ้านบ้านไผ่จะเสียชีวิตหลายราย แต่เราก็ไม่เคยโทษใคร เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่ก่อเหตุเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ เรารู้ว่าคนที่ทำต้องการสร้างความแตกแยกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะระหว่างไทยพุทธและไทยมุสลิมที่เคยดีๆ กันนั่นแหละ” อ่านต่อ คลิ้กที่นี่
ผู้นำชุมชนบ้านป่าไผ่รายหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ บอกเล่าถึงความสัมพันธ์เมื่อครั้งอดีตของชุมชนทั้งสองแห่งว่า สมัยก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่ ชาวไทยพุทธที่หมู่บ้านป่าไผ่กับชาวไทยมุสลิมที่บ้านไอร์ปาแยล้วนเป็นเพื่อนกัน ไปมาหาสู่กันตามประสาบ้านใกล้เรือนเคียง มีการค้าขายกัน และเมื่อมีงานรื่นเริงของแต่ละหมู่บ้าน โดยเฉพาะงานแต่งงาน ก็จะไปเชิญเพื่อนจากอีกหมู่บ้านมาร่วมงานกันอย่างครึกครื้น
ทว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี 2547 มีเหตุร้ายเกิดขึ้นหลายครั้งในท้องที่บ้านป่าไผ่ มีชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิตหลายราย ทำให้เกิดความกลัวและหวาดระแวง
“ก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะต้องกลัว สุดท้ายก็ไม่กล้าไปมาหาสู่กันเหมือนในอดีต ไม่ใช่ว่ากลัวกันเองนะ แต่เป็นเรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านล้วนถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง”
ผู้นำชุมชนบ้านป่าไผ่ เล่าต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและสับสน ชาวบ้านไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จึงทำให้การไปมาหาสู่กันระหว่างสองชุมชนยุติลง ความสัมพันธ์ที่มีมาแต่เดิมเริ่มห่างหาย
“แม้คนในบ้านบ้านไผ่จะเสียชีวิตหลายราย แต่เราก็ไม่เคยโทษใคร เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่ก่อเหตุเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ เรารู้ว่าคนที่ทำต้องการสร้างความแตกแยกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะระหว่างไทยพุทธและไทยมุสลิมที่เคยดีๆ กันนั่นแหละ” อ่านต่อ คลิ้กที่นี่