ชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดสงขลากว่า 500 คน ประท้วงบริษัทน้ำมันปล่อยมลภาวะไม่รับผิดชอบ กดดันกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ รับผิดชอบ จ่ายเงินจำนวน 36 ล้าน ไม่ได้รับเงินก็จะปิดร่องน้ำและแท่นขุดเจาะต่อไป
หลังกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านและเรืออวนลากเล็ก ใน 4 อำเภอของ จ.สงขลา จำนวน 500 คน ได้มาชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดสงขลา เพื่อรอฟังผลการประชุมในการแก้ปัญหา ผลกระทบที่เกิดจากการขุดเจาะปิโตรเลียมนอกชายฝั่ง และการจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับชาวประมง โดย นายวิญญู ทองสกุล ผวจ.สงขลา ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบริษัทสัมปทานขุดเจาะน้ำมันทั้ง 4 บริษัท และตัวแทนประมงพื้นบ้าน 14 กลุ่ม เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ผลจากการประชุม ตัวแทนกรมมลพิษฯ เปิดเผยว่า จากการเก็บตัวอย่าง ก้อนสีดำ และสีน้ำตาล ที่ถูกคลื่นซัดเข้ามาติดชายฝั่งจำนวนมาไปทำการพิสูจน์ พบว่า เป็นน้ำมันดิบที่มาจากแท่นขุดเจาะ เช่นเดียวกับก้อนสีเหลือง เป็นน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้ในการขุดเจาะ เช่นเดียวกับการตรวจสอบน้ำที่สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนด และมีการปนเปื้อนจากสารที่มาจากการขุดเจาะ
นายวิญญู ทองสกุล ผวจ.สงขลา ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ได้กล่าวว่าในเบื้องต้น ยังสรุปไม่ได้ว่า เป็นการกระทำของบริษัทขุดเจาะอะไร แต่ชาวประมงส่วนใหญ่ เชื่อว่า เป็นการกระทำของ บริษัท นิวคอสตอล ประเทศไทย จำกัด เพราะเป็นแท่นที่อยู่ใกล้ชายฝั่งที่สุด และเกิดการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัท นิวคอสตอล มาดำเนินการขุดเจาะ นายวิญญู จึงขอให้ทั้ง 3 บริษัทต้องรับผิดชอบร่วมกัน โดยในขั้นต้น ให้บริษัท เชฟรอนประเทศไทย จำกัด และ ปตท.สผ.จ่ายบริษัทละ 4 ล้าน ส่วนนิวคาสตอลได้จ่ายเงินไว้ที่บริษัทแล้ว 28 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินชดเชยรายได้ให้กับชาวประมงผู้ได้รับผลกระทบ
แต่ปรากฏว่า ข้อเสนอของ ผวจ.สงขลา ไม่สามารถตกลงกันได้ โดย บริษัท เชฟรอน และ ปตท.สผ.ได้อ้างว่า เงินกองทุนส่วนหนึ่งของบริษัทได้จ่ายให้กับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติแล้ว ให้เป็นอำนาจของกรมเชื้อเพลิงในการจ่าย ในขณะที่ตัวแทนกรมเชื้อเพลิง ขอเวลา 7 วัน ในการที่จะให้คำตอบว่า จะสามารถจ่ายเงินดังกล่าวได้หรือไม่ ทำให้การเจรจาไม่เป็นผล นายวิญญู ได้ทำการปิดประชุม โดยกล่าวว่า ไม่มีประโยชน์ที่ประชุมร่วมกัน เพราะบริษัททั้งหมดไม่จริงใจ และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเล่นไม่ให้ความร่วมมือกับจังหวัด
หลังจากนั้น เมื่อเวลา 17.30 น.แกนนำชาวประมง จึงได้แจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบ โดยมีชาวประมงบางส่วนได้นำเรือเข้าปิดร่องน้ำบ้างแล้ว และได้ประกาศว่า จะนำเรือจากต่างอำเภอมาปิดร่องน้ำทั้งหมดเพื่อกดดันให้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ รับผิดชอบจ่ายเงินจำนวน 36 ล้านให้กับชาวประมง หากไม่ได้รับเงินก็จะปิดร่องน้ำและแท่นขุดเจาะต่อไป
หลังกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านและเรืออวนลากเล็ก ใน 4 อำเภอของ จ.สงขลา จำนวน 500 คน ได้มาชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดสงขลา เพื่อรอฟังผลการประชุมในการแก้ปัญหา ผลกระทบที่เกิดจากการขุดเจาะปิโตรเลียมนอกชายฝั่ง และการจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับชาวประมง โดย นายวิญญู ทองสกุล ผวจ.สงขลา ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบริษัทสัมปทานขุดเจาะน้ำมันทั้ง 4 บริษัท และตัวแทนประมงพื้นบ้าน 14 กลุ่ม เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ผลจากการประชุม ตัวแทนกรมมลพิษฯ เปิดเผยว่า จากการเก็บตัวอย่าง ก้อนสีดำ และสีน้ำตาล ที่ถูกคลื่นซัดเข้ามาติดชายฝั่งจำนวนมาไปทำการพิสูจน์ พบว่า เป็นน้ำมันดิบที่มาจากแท่นขุดเจาะ เช่นเดียวกับก้อนสีเหลือง เป็นน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้ในการขุดเจาะ เช่นเดียวกับการตรวจสอบน้ำที่สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนด และมีการปนเปื้อนจากสารที่มาจากการขุดเจาะ
นายวิญญู ทองสกุล ผวจ.สงขลา ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ได้กล่าวว่าในเบื้องต้น ยังสรุปไม่ได้ว่า เป็นการกระทำของบริษัทขุดเจาะอะไร แต่ชาวประมงส่วนใหญ่ เชื่อว่า เป็นการกระทำของ บริษัท นิวคอสตอล ประเทศไทย จำกัด เพราะเป็นแท่นที่อยู่ใกล้ชายฝั่งที่สุด และเกิดการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัท นิวคอสตอล มาดำเนินการขุดเจาะ นายวิญญู จึงขอให้ทั้ง 3 บริษัทต้องรับผิดชอบร่วมกัน โดยในขั้นต้น ให้บริษัท เชฟรอนประเทศไทย จำกัด และ ปตท.สผ.จ่ายบริษัทละ 4 ล้าน ส่วนนิวคาสตอลได้จ่ายเงินไว้ที่บริษัทแล้ว 28 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินชดเชยรายได้ให้กับชาวประมงผู้ได้รับผลกระทบ
แต่ปรากฏว่า ข้อเสนอของ ผวจ.สงขลา ไม่สามารถตกลงกันได้ โดย บริษัท เชฟรอน และ ปตท.สผ.ได้อ้างว่า เงินกองทุนส่วนหนึ่งของบริษัทได้จ่ายให้กับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติแล้ว ให้เป็นอำนาจของกรมเชื้อเพลิงในการจ่าย ในขณะที่ตัวแทนกรมเชื้อเพลิง ขอเวลา 7 วัน ในการที่จะให้คำตอบว่า จะสามารถจ่ายเงินดังกล่าวได้หรือไม่ ทำให้การเจรจาไม่เป็นผล นายวิญญู ได้ทำการปิดประชุม โดยกล่าวว่า ไม่มีประโยชน์ที่ประชุมร่วมกัน เพราะบริษัททั้งหมดไม่จริงใจ และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเล่นไม่ให้ความร่วมมือกับจังหวัด
หลังจากนั้น เมื่อเวลา 17.30 น.แกนนำชาวประมง จึงได้แจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบ โดยมีชาวประมงบางส่วนได้นำเรือเข้าปิดร่องน้ำบ้างแล้ว และได้ประกาศว่า จะนำเรือจากต่างอำเภอมาปิดร่องน้ำทั้งหมดเพื่อกดดันให้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ รับผิดชอบจ่ายเงินจำนวน 36 ล้านให้กับชาวประมง หากไม่ได้รับเงินก็จะปิดร่องน้ำและแท่นขุดเจาะต่อไป