จดหมายข่าวขบวนชุมชนสงขลา ฉบับสิงหาคม 2554 Download คลิ้กที่นี่ และติดตามฟังรายการปักษ์ใต้บ้านเรา ทางวิทยุ สวท.สงขลา 90.5 เมกกะเฮิร์ต เวลา 18.00-19.00 น. ทุกวันอังคาร -สวัสดิการชุมชน /ทุกวันพุธ-สภาองค์กรชุมชน


วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

นายกฯ ย้ำ อปท.ร่วมแก้ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำบทบาท อปท.ร่วมแก้ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้มีความมั่นคงอย่างแท้จริง

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดการสัมมนาบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยครบวงจร

เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2552 เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนาบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยมีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และผู้นำชุมชนในพื้นที่จากท้องถิ่นทุกภาค 140 แห่ง กว่า 400 คน เข้าร่วม

นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา ประธานอนุกรรมการพัฒนาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงเข้มแข็งของชุมชนเมืองและชนบท ในคณะกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนแห่งชาติ กล่าวรายงานสรุปว่า การจัดงานสัมมนาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดสัมมนาสมัชชา “การจัดการที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินโดยขบวนชุมชนและท้องถิ่น” ซึ่งคณะอนุกรรมการพัฒนาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินฯ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเครือข่ายองค์กรชุมชนทั่วประเทศ ได้ร่วมกันจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-19 ตุลาคม 2552 โดยได้มีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค 25 แห่งทั่วประเทศ เพื่อประมวลภาพรวมสู่การสัมมนาสมัชชาการจัดการที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ในวันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2552 ณ ห้องประชุมใหญ่ สหประชาชาติ โดยวัตถุประสงค์การจัดงานมุ่งเน้นให้เกิดการตื่นตัวตระหนักถึงความสำคัญ สร้างความเชื่อมั่นในการจัดการที่ดิน ที่อยู่อาศัยและงานพัฒนาที่ต่อเนื่องในแนวทางโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนมีบทบาทสำคัญ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เห็นตัวอย่างรูปธรรม นำไปสู่การวางแนวทางที่ชุมชนท้องถิ่นจะทำร่วมกัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันได้มีชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ร่วมกันทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินกระจายทั่วทุกจังหวัด โดยในเรื่องที่อยู่อาศัยนั้นดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนแออัดตามโครงการบ้านมั่นคงมาตั้งแต่ปี 2546 จนเดือนกันยายน 2552 เกิดผลการดำเนินการครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัด ใน 260 เมือง/เขต มีโครงการที่มีการอนุมัติทั้งสิ้น 745 โครงการ ครอบคลุม 1,319 ชุมชน ใน 80,201 ครัวเรือน จาก 76 จังหวัด ส่วนที่ดินทำกินนั้นได้มีการดำเนินการในพื้นที่ 556 ตำบล 2,349 หมู่บ้าน ประมาณ 64,000 ครัวเรือน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาที่ดินทำกินและปัญหาที่อยู่อาศัยเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ เรื้อรังมานาน และเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในชุมชนแออัด ที่อยู่ในที่ของรัฐบ้าง เอกชนบ้าง และขาดความมั่นคง มั่นใจ รวมทั้งมีปัญหาข้อพิพาทเกิดขึ้นในเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสังคมในเรื่องอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของปัญหาในชุมชนเมือง ที่มีปัญหาสังคมแทรกซ้อนเข้ามา ทั้งเรื่องยาเสพติด เรื่องเยาวชน ไปจนถึงปัญหาในชนบท ซึ่งเป็นปัญหาข้อพิพาทระหว่างภาครัฐกับประชาชน

ในส่วนของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโฉนดชุมชน เรื่องบ้านมั่นคง และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้นำชุมชน จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนขึ้น และเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีประสบการณ์ความรู้ได้มาช่วยวางแนวทางในการแก้ไขปัญหา รวมไปถึงการปรับปรุงมาตรการต่าง ๆ เพื่อที่จะสามารถดำเนินงานในเรื่องนี้ต่อได้ แต่ต้องยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มักจะไม่ได้เชื่อมโยงกันในแง่ของท้องถิ่นกันส่วนกลาง ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นถือว่ามีความใกล้ชิดกับชุมชนมากที่สุด เพราะฉะนั้น ถ้าหากเราสามารถที่จะระดมให้ท้องถิ่นเข้ามาทำงานในเรื่องนี้ได้ ก็มั่นใจว่าจะทำให้การแก้ปัญหานี้มีประสิทธิภาพและมีความสามารถในการที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ตรงจุด มากยิ่งขึ้น

“สิ่งที่ผมคงจะต้องฝากไว้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยคือว่า ผมเองในฐานะที่สนับสนุนและผลักดันเรื่องของการกระจายอำนาจมาโดยตลอด อยากที่จะเห็นการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งไม่เหมือนกับการทำงานของระบบราชการ เพราะว่าเราหวังที่จะเห็นว่าการกระจายอำนาจที่สุดแล้ว ไม่ได้กระจายไปอยู่ที่เพียงผู้บริหารหรือสมาชิกของสภาท้องถิ่น แต่อำนาจนั้นกระจายไปสู่ประชาชนอย่างแท้จริง โดยผ่านการตัดสินใจจากตัวบุคคลก็ดี หรือจากการรวมกลุ่มกันเป็นองค์กรชุมชนก็ดี ซึ่งถ้าหากว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยึดถือการทำงานในลักษณะนี้ ผมมั่นใจว่าจะยิ่งทำให้การแก้ไขปัญหาในเรื่อง” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลกับองค์กรชุมชนต่าง ๆ นั้นขณะนี้ครอบคลุมหลาย ๆ ด้าน อย่างเรื่องสวัสดิการชุมชน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณไว้ 700 กว่าล้านบาท เพื่อที่จะเป็นการสนับสนุนเรื่องของสวัสดิการชุมชน ซึ่งถือเป็นรูปธรรมของการทำงานที่รัฐบาลและท้องถิ่นกำลังเข้าไปจับมือกับองค์กรในชุมชนที่สามารถรวมตัวประชาชน ให้มีความเข้มแข็ง มีวินัย มีระบบ ไม่เพียงเฉพาะในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่มองการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ในแง่ของความมั่นคงและความยั่งยืนด้วย ซึ่งการขยายผลต่อยอดเรื่องของกองทุนสวัสดิการชุมชนนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะได้ดำเนินการต่อไป

ในส่วนของที่อยู่อาศัยนั้น รัฐบาลได้เพิ่มงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาสาธารณูปโภค เพื่อแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดตามโครงการบ้านมั่นคง และเพิ่มเงินจาก 68,000 บาท เป็น 80,000 บาทต่อครอบครัวซึ่งงบประมาณส่วนนี้จะเป็นงบประมาณที่สนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับเรื่องสินเชื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยโครงการบ้านมั่นคง ตั้งเป้าไว้ว่ายอดเงินทั้งหมดจะเป็น 5,000 ล้านบาท แต่จะมีการดำเนินการในการทยอยจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้ คาดว่าวันที่ 13 ตุลาคมนี้จะสามารถอนุมัติงบประมาณก้อนแรกได้

ส่วนเรื่องที่ดินทำกิน รัฐบาลผลักดันในเรื่องโฉนดชุมชน ซึ่งขณะนี้การยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป รวมทั้งกระทรวงการคลังก็อยู่ในระหว่างการที่จะปรับปรุงกฎหมายในเรื่องของภาษีทรัพย์สินและที่ดิน ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การจัดตั้งกองทุน เพื่อทำในเรื่องของธนาคารที่ดินขึ้นมาด้วย

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้ฝากข้อคิดว่า ท้องถิ่นน่าจะต้องมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในเรื่องของการจัดทำระบบข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลแผนที่ แผนการใช้ที่ดิน และแผนการจัดการทรัพยากร รวมไปถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่จะมารองรับในเรื่องของการสร้างที่อยู่อาศัยที่จะทำให้ประชาชนนั้นมีความมั่นคงได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ข้อสรุปที่ได้จากการสัมมนาจะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจะได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องทำงานร่วมกับท้องถิ่นให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ครบวงจรได้อย่างแท้จริงต่อไป
---------------------------------------