จดหมายข่าวขบวนชุมชนสงขลา ฉบับสิงหาคม 2554 Download คลิ้กที่นี่ และติดตามฟังรายการปักษ์ใต้บ้านเรา ทางวิทยุ สวท.สงขลา 90.5 เมกกะเฮิร์ต เวลา 18.00-19.00 น. ทุกวันอังคาร -สวัสดิการชุมชน /ทุกวันพุธ-สภาองค์กรชุมชน


วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

จะอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมป่าชายเลนได้อย่างไร

สรุปย่อ : โครงงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชายฝั่ง โดยคุณครูนิกร แสนเดช

จากการกรณีการบุกรุกทำลายป่าชายเลนในบริเวณชายฝั่งของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่มีการทำลายมากที่สุดคือในช่วงที่มีการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ เป็นผลให้สูญเสียป่าชายเลนเป็นจำนวนมาก แม้ปัจจุบันการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมีการลดเลิกกันไปมากแล้ว แต่ที่ราบชายฝั่งที่ห่างจากป่าชายเลนขึ้นมา กลับมีการบุกรุกถากถางกันเพิ่มกันอีก

แม้จะเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ก็ตาม แต่เป็นการทำลายระบบนิเวศน์วิทยาครั้งใหญ่หลวงของลุ่มน้ำปากพนัง โดยเฉพาะการแผ้วป่าจากเพื่อการปลูกปาล์ม เป็นการทำลายป่า และทำลายระบบนิเวศน์ที่ทางราชการไม่ได้ห้ามปรามและกลับเป็นการส่งเสริมเสียด้วยซ้ำ ซึ่งหากมองหน้าเหลียวหลังจะเห็นว่า "จาก"เป็นพืชที่เกิดขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ สามารถให้ผลผลิตได้ดีในสภาพพิ้นดินในแถบราบลุ่มน้ำปากพนัง แต่ทำไมจึงยังไม่เห็นคุณค่าของพื้ชชนิดนี้

ซึ่งพอจะวิเคราะห์ได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้

1.อาชีพใหม่ที่มาสร้างขึ้นคาดว่าให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เพราะจากการเลี้ยงกุ้งกุลาดำทำให้หลายคนร่ำรวย และมีไม่น้อยที่เป็นหนี้เป็นสิน ส่วนอาชีพปลูกปาล์มนั้นยังต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีถึงจะรู้ว่าจะดีกว่าหรือแย่กว่าอาชีพเกี่ยวกับ "จาก"

2.อาชีพใหม่ใช้ต้นทุนทางเวลาที่น้อยกว่า อาชีพเลี้ยงกุ้งใช้เวลา 3 - 5 เดือนก็รู้ผลว่ากำไรหรือขาดทุน อาชีพปาล์ม ให้ผลผลิตทุก ๆ 20 วัน เกษตรกรก็ไม่เหนื่อยมากเช่นอาชีพเกี่ยวกับ"จาก " เพราะหากจะเอาน้ำหวานต้องปาดตาลทุกวัน และต้องมาเคี้ยวให้ได้เป็นน้ำผึ้งอีกครั้ง การเก็บเกี่ยวต้องลุยลงไปในป่าจาก ไม่สะดวกสบายเช่นปาล์ม และผลผลิตที่ได้ก็มีผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม ไม่แพร่หลายขั้นอินเตอร์ได้

จากสภาพปัญหาดังกล่าวหากไม่มีการแก้ไข ป่าจากก็จะสูญหายไปจากพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง เพราะขณะนี้คนปากพนังมองต้นจากคือวัชพืชเสียแล้ว

เราจะทำอย่างไรดี

จากสภาพปัญหาเหล่านี้จึงเป็นโครงการฟื้นฟูอาชีพเกี่ยวกับป่าจาก เพื่อผลประโยชน์ที่ได้คือระบบนิเวศน์ของลุ่มน้ำปากพนังที่อุดมสมบูรณ์เช่นเดิม ด้วยการพัฒนาดังนี้

1.ส่งเสริมพัฒนาผลผลิตที่ได้จากอาชีพที่เกี่ยวกับ "จาก"

2.จัดรูปแบบการปลูกจากให้ทันสมัยเช่นเดียวกับการปลูกปาล์มน้ำมัน ไม่ต้องลุยโคลนลงไปปาดตาลเช่นในอดีต เป็นการทำเกษตรป่าจากแผนพัฒนา

3.ประชาสัมพันธ์ชี้แจงชุมชนที่เกี่ยวข้องให้ทราบคุณประโยชน์ของอาชีพนี้

อย่างน้อยการปลูกจากเป็นการเกษตรที่ไม่พึ่งพายาปราบศัตรูพืช ไม่ต้องใส่ปุ๋ย เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทุกวัน สามารถทำการเกษตรแบบผสมผสานกับพืชชนิดอื่นได้ ไม่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพายุรุนแรงก็ไม่ทำให้ต้นจากล้ม น้ำท่วมไม่ทำให้ต้นจากตาย ไฟป่าไม่เคยไหม้ในป่าจาก สามารถปลูกพืชที่ใช้บริโภคในครัวเรือนผสมผสานได้เช่น กล้วย พริก ข้าวโพด ตะไคร้ ขิง ข่า นานาชนิด สามารถอย๋ร่วมกับไม้ยืนต้นในท้องถิ่นได้ เช่นไม้สะแก เสม็ด โพเล เพราะจากเป็นพืชที่มีรากลึก จึงไม้มีผลกระทบหากมีการปลูกพืชล้มลุก พืชไร่ ปะปนไปด้วย และควรมีแปลงเกษตรตัวอย่างให้ชุมชนดู สักวันหนึ่ง ต้นจาก จะกลับมา และลูกปลาเล็กก็ได้อาศัยป่าจากเป็นที่อนุบาล ระบบนิเวศน์ที่อุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำปากพนังจะเป็นเช่นในอดีต ที่เป็นอู่ข้าว อู่ปลา ของภาคใต้ ด้วยการพัฒนาอาชีพเกี่ยวกับ "ป่า"